ชมรม พงส.ตบเท้าหารือผบ.ตร.ยกระดับงานสอบสวนแก้วิกฤตอำนวยความยุติธรรมประชาชน

998

ชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจเข้าหารือร่วมกับ ผบ.ตร.ยกระดับงานสอบสวนพัฒนาคุณภาพชีวิตแก้วิกฤตอำนวยความยุติธรรม เพื่อปรับปรุงศักยภาพการทำงาน ด้าน ผบ.ตร.สั่งเสนอแนวทางแก้วิกฤตขาดแคลนพนักงานสอบสวนเป็นรูปธรรมใน 15 วัน  ย้ำห้ามนำพนักงานสอบสวนช่วยราชการ หากถูกร้องเรียนผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบ

วันที่ 21 ก.พ.67 ที่ ตร. ชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจ พร้อมด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิจา คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เข้าพบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อหารือในการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหางานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นกรณีเร่งด่วน หลังจากมีมติในการเสนอมาตรการถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับ ชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจ นำโดย พล.ต.อ.วุฒิชัย ศรีรัตนวุธ ประธานชมรมฯ ว่าได้รับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตพนักงานสอบสวนที่ถือเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรมคือ ปัญหาการขาดแคลนพนักงานสอบสวน, การกำหนดตำแหน่งเลื่อนไหลให้พนักงานสอบสวน รวมทั้งเงินประจำตำแหน่งของพนักงานสอบสวน  ซึ่งทั้ง 3 เรื่องได้มีข้อสั่งการให้ดำเนินการไปแล้วก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันได้มีข้อสั่งการไปแล้วว่าได้มอบอำนาจให้ผู้บัญชาการในการเกลี่ยกำลังพล ไปช่วยในสถานีตำรวจที่มีปัญหา ไม่ให้ไปกระจุกอยู่ในกองบัญชาการหรือกลุ่มงานสืบสวน โดยสั่งการให้รายงานผลการดำเนินการที่เป็นตัวเลขจริง มายังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติภายในวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งตนเองจะตรวจสอบซ้ำอีกครั้งด้วย 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า ในครั้งนี้ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้เห็นเป็นรูปธรรมภายใน 15 วัน เพื่อให้ตนเองสามารถดำเนินการได้ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ โดยจะต้องย้ำกำชับเรื่องการห้ามนำพนักงานสอบสวนไปช่วยราชการ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานของผู้ใดก็ตาม เพราะถือว่าเป็นการทำผิดตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พุทธศักราช 2565 หากจะนำ พนักงานสอบสวนไปช่วยราชการจะต้องมีบุคคลมาทดแทน โดยข้อสั่งการนี้จะเน้นไปที่สถานีตำรวจโรงพักต่างๆ หากมีการร้องเรียนในลักษณะดังกล่าวจะถูกส่งมาที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติโดยตรง และผู้บังคับบัญชาจะถูกดำเนินมาตรการทางปกครอง 1212  ด้วย

นอกจากนี้ ยังได้เตรียมเสริมอัตราพนักงานสอบสวนอีก 900 คน โดยวานนี้(21 ก.พ.67) ได้มีการเลือกตำแหน่งที่จะลงไปช่วยอีกประมาณ 300 ถึง 400 คน ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีกำลังในการผลิตบุคลากรในแต่ละปี จากที่ขาดแคลนอยู่ทั้งหมดประมาณ 2,000 คน รวมทั้งจะมีนโนบายให้นายตำรวจชั้นประทวนที่จบปริญญาตรีด้านนิติศาสตร์ ให้ขึ้นทะเบียนรอการอบรมเป็นพนักงานสอบสวน หรือให้เป็นผู้ช่วยพนักงานสอบสวนก่อน เพื่อแบ่งเบาภาระให้พนักงานสอบสวนด้วยการมีผู้ช่วยที่มีองค์ความรู้ และผ่านการอบรมแล้วก็จะมีพนักงานสอบสวนเพิ่มขึ้น

ส่วนการเพิ่มแรงจูงใจให้กับพนักงานสอบสวนนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยอมรับว่า ค่าตอบแทนยังคงน้อยเมื่อเทียบกับพนักงานอัยการหรือศาล โดยได้สั่งการให้ศึกษาเปรียบเทียบค่าตอบแทนเพื่อนำไปหารือกับคณะกรรมาธิการงบประมาณหรือสำนักงบประมาณเพื่อขอเพิ่มค่าตอบแทนให้กับพนักงานสอบสวน เช่น เพิ่มเพดานค่าตอบแทนของพนักงานสอบสวนจาก 20,000 ถึง 40,000 บาทให้มากขึ้นไปอีก

จากนั้น ชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจ ได้ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัว โดย พล.ต.อ.วุฒิชัย ศรีรัตนวุฒิ ประธานชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจ กล่าวว่า วันนี้ได้เข้ามาหารือร่วมกับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหามีทั้งเรื่องของระบบตำแหน่งควบในสายงานสืบสวนสอบสวน / การแก้ไขปัญหาพนักงานสอบสวนขาดแคลน / การเพิ่มเงินประจำตำแหน่งและค่าตอบแทนให้เหมาะสม / การแก้ไขคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 419/2556 และระเบียบคำสั่งอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับงานสอบสวน และการจัดตั้งศูนย์ให้คำแนะนำช่วยเหลือประชาชนและพนักงานสอบสวนในการอำนวยความยุติธรรม

ด้าน พล.ต.อ.เอก เอกอังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า ในสภาวะของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมีประเด็นเรื่องวิกฤตของพนักงานสอบสวนยังขาดแคลนและมีข้อจำกัดเรื่องขวัญและกำลังใจ ซึ่งเห็นว่า 3 องคาพยพที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาต่างๆประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งแต่ ผบ.ตร.จนถึงผบก.ต้องอำนวยการในการแก้ไขปัญหาพนักงานสอบสวนเพื่ออำนวยความยุติธรรม,คณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือ ก.ตร. ซึ่งมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับพนักงานสอบสวนตั้งแต่การกำหนดตำแหน่งเพื่อความเจริญก้าวหน้าและขวัญกำลังใจเป็นเรื่องที่ ก.ตร.ต้องดำเนินการตามกฎหมาย และองคาพยพที่3 คือพนักงานสอบสวน ซึ่งประธานชมรมพนักงานสอบสวนเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งสมาคมพนักงานสอบสวน เพื่อเป็นตัวแทนและรวบรวมเป็นศูนย์กลางในการรับฟังข้อขัดข้องต่างๆมาสนับสนุนประสานงานกับผู้บังคับบัญชาในการดำเนินการ แต่เนื่องจากพนักงานสอบสวนเดิมอาศัยสมาคมฯ อาจจะมีข้อจำกัดในการดำเนินการจึงได้ขอให้ พล.ต.อ.วุฒิชัย มาเป็นหลักและเชิญผู้บังคับบัญชาและอดีตผู้บังคับบัญชามาช่วยดำเนินการและเกิดเป็นชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจขึ้น ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่องคาพยพทั้ง3มาร่วมมือกันในการระดมสรรพกำลังสมองมาสนับสนุนในช่วงเปลี่ยนผ่านให้เกิดการเริ่มต้นของการที่จะทำให้พนักงานสอบสวนได้เป็นหลักในการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนต่อไป

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีแนวคิดและนโยบายในการเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้กับพนักงานสอบสวนให้มีเกียรติและศักดิ์ศรี ตามแนวทางที่ได้รับการเสนอให้แก้ไข ทั้งในเรื่องของการปรับเปลี่ยนตำแหน่งและค่าตอบแทนให้เหมาะสมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับพนักงานสอบสวน รวมไปถึงการเรียกพนักงานสอบสวนที่มีคำสั่งในการช่วยราชการ ให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่เดิม เพื่อเพิ่มกำลังพนักงานสอบสวนในแต่ละโรงพักอย่างเท่าเทียม หลังมีการร้องเรียนกรณีที่พบว่าแต่ละโรงพักมีจำนวนพนักงานสอบสวนที่ไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างไม่เต็มศักยภาพ

ขณะที่ พล.ต.ต. กมลเจน คำนวล ผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 8 สำนักงานจเรตำรวจ บอกเสริมว่า จเรตำรวจในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจปีที่ผ่านมา มีเรื่องร้องเรียนประมาณ 5,000 เรื่องซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพนักงานสอบสวนประมาณ 4,000 เรื่อง โดยส่วนใหญ่ได้รับการร้องเรียนในเรื่องของการไม่ได้รับความสะดวก หรือไม่มั่นใจว่าจะได้รับการบริการที่ดี จากพนักงานสอบสวน พร้อมกันนี้ แนวทางในเรื่องการจัดตั้งศูนย์ให้คำแนะนำช่วยเหลือประชาชนและพนักงานสอบสวน ในการอำนวยความยุติธรรมก็เป็นหนึ่งในแนวทางที่จะช่วยเสริมสร้างลดช่องว่างให้ประชาชนและพนักงานสอบสวนสามารถสื่อสารกันได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่สามารถกลับมาพึ่งพาพนักงานสอบสวน ในการขอความเป็นธรรมได้มากขึ้นในอนาคต

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ผบตร #เอกอังสนานนท์ #ชมพนักงานสอบสวนตำรวจ