“พันเอก พลตรี หรือชั้นประทวน มีความเท่าเทียมกัน ไปด้วยกันโดน 157 เหมือนกัน ขอเรียนท่านว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่ชั้นยศ ขึ้นอยู่กับเรื่องกฎหมายที่เขากำหนด ความเป็นตัวตน ขอนำเรียนท่านว่าไม่ได้ไม่ให้เกียรติ ไม่ได้อะไรทั้งนั้น”

คำสัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(รองผบช.ก.)ที่ฝากถึงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวาภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
หลังนายพีระพันธุ์ แสดงอาการไม่พอใจโดยอ้างไม่ให้เกียรติที่ให้ ตำรวจยศ พ.ต.อ. บุกจับกุมนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก และน.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธภาคย์ คณะทำงานของนายพีระพันธุ์ ผู้ต้องหาที่ร่วมกับนายศรีสุวรรณ จรรยา ตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว โดยเปรียบเทียบกับการจับกุมนายศรีสุวรรณ ว่ามียศ พล.ต.ต.ไปจับ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังบอกอีกว่าคดีให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เจ้าหน้าที่ไม่ได้ไปทำอะไรล่วงเกินอำนาจหน้าที่ท่าน ผมเป็นตำรวจก็รักเกียรติ รักศักดิ์ศรีของตำรวจ
ระหว่างให้สัมภาษณ์ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ แสดงถึงความมั่นใจว่าเอาผิดแก๊งนี้ได้แน่นอนเพราะหลักฐานแน่นหนา พร้อมกับเปรียบเปรยว่า พวกนี้เป็นมืออาชีพที่ชั่วร้าย ไม่ใช่ร้องเรียนเพื่อให้ประเทศชาติดีขึ้น แต่เป็นเหลือบไร เป็นสุนัขข้างทางที่พยายามไล่เห่า ไล่กัดเพื่อแย่งอาหารที่เปรียบเสมือนงบประมาณ พวกนี้จะล้อมหน้าล้อมหลังเอาเศษอาหาร เป็นพวกขี้เรื้อน
หากได้อ่านคำสัมภาษณ์อย่างละเอียดจะพบว่าเป็นความกล้าหาญของพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ที่สวมบทหมูไม่กลัวน้ำร้อนสวนหมัดกับนักการเมืองระดับรัฐมนตรี อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นตำรวจ ซึ่งท่าทีลักษณะนี้ในแวดวงสีกากีไม่ได้มีให้เห็นมากว่า 9 ปีแล้ว
นับแต่เผด็จการทหารครองเมืองกลายร่างมาเป็นรัฐบาลเลือกตั้งในคราบเผด็จการ โดยเฉพาะท่าที ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ยันผู้บัญชาการ(ผบช.) จะอยู่ในอาการหงอ เป็นได้แค่เจว็ด เพราะกลัวกระเด็นจากตำแหน่ง
จากท่าทีของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เชื่อว่าถูกใจตำรวจส่วนใหญ่ที่รักศักดิ์ศรีในความเป็นตำรวจที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับพวกนักการเมืองที่ฉ้อฉล และทำให้เชื่อว่าคดีที่นายศรีสุวรรณ และพวก ร้องเรียนเพื่อรีดไถคงจบแบบนอนคุกอย่างแน่นอน
ยิ่งย้อนดูประวัติการทำงานของพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ในห้วงแค่ไม่กี่ปีที่ผ่านมาจะมั่นใจว่าคดีตบทรัพย์นี้ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูแน่นอน เพราะหลังจาก พล.ต.ต.จรูญเกียรติ จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 45 เข้ารับตำแหน่งที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สวมบทมือปราบยาเสพติด ต่อมาย้ายไปอยู่โรงพัก กองปราบปราม สวมบทพนักงานสอบสวนและสืบสวน กระทั่งนั่งผู้บังคับการตำรวจป้องกันและปราบการทุจริตประพฤติมิชอบ(ผบก.ปปป.)
ด้วยการทำงานแบบตรงไปตรงมาไม่ได้เกรงกลัวอิทธิพล สร้างผลงานจับกุมพวกโกงชาติโกงแผ่นดินจำนวนมาก อาทิ จับกุมนายกเทศมนตรีบางแก้ว จ.สมุทรปราการ จับกุมเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตราชเทวี และ จับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ใกล้ชิดบิ๊กรัฐบาลในยุคนั้น คาสำนักงายึดของกลางเป็นเงินหลายล้านบาท เป็นต้น
วางแผนจับกุมนายวีระชาติ รัศมี นายเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ อุทัยธานี ฐานเรียกรับเงินผู้รับเหมาสร้างประปาหมูบ้าน หลัง นายชาดา ไทยเศรษฐ์ พ่อตา เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ไม่นาน ในปี 2560 วางแผนค้นรถของนายชาดา จำนวน 8 คัน ยึดอาวุธปืนพร้อมกระสุนในตัวลูกน้องนายชาดา ได้หลายกระบอก
ก่อนการแต่งตั้ง ผบ.ตร.นำกำลังเข้าค้นบ้าน รอง ผบ.ตร.ท่านหนึ่ง หลังการสืบสวนพบข้อมูลว่าลูกน้องคนสนิท 8 นาย ของ รองฯ พัวพันเว็บพนันออนไลน์
ขณะเดียวกันได้รับความไว้วางใจนั่งรักษาผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เพื่อสางคดีบ้านกำนันนก และสติ๊กเกอร์ส่วยทางหลวง
ด้วยผลงานลุยปราบโกงแบบไม่เกรงกลัวผู้มีอิทธิพล ส่งผลให้ประชาชนเกิดศรัทธาเชิญให้ไปแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในวัดหิรัญญาราม หรือวัดหลวงพ่อเงิน จ.พิจิตร ที่ขัดแย้งยาวนาน เพราะมีนักการเมืองบางคนคอยชักใย นี่คือผลงานเพียงบางส่วนที่ตำรวจน้ำดีอย่าง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ลุยสะสาง
ที่สำคัญที่กล่าวขานกันคือ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล้าชนกับผู้มีอิทธิพลทุกรูปแบบ กล้าตอบโต้กับนักการเมืองระดับรัฐมนตรีที่ไม่ยืนอยู่หลักการที่ถูกต้อง กล้าตำหนิพวกโกงชาติโกงงบประมารว่าเป็นพวกหมาขี้เรื้อน และ ที่สำคัญคือยืนหยัดปกป้องศักดิ์ศรีของตำรวจ
ซึ่งความกล้าเหล่านี้แทบจะหาไม่ได้จาก นายตำรวจ นาย อื่นๆ ที่นั่งบริหารสำนักปทุมวันอยู่ในปัจจุบันนี้เลย แต่จะมีเบื้องหน้า เบื้องหลังหรือไม่ อย่างไร.? อันนี้ต้องตามดูกันนานๆที่สำคัญประชาชนอยากเห็นการทำงานของตำรวจแบบนี้ !!!


