ตำรวจจัดกำลังดูแลความปลอดภัยเข้ม ศาล รธน.ตัดสินชี้ชะตา “พิธา-ก้าวไกล” คดีล้มล้างการปกครอง
เมื่อ 31 ม.ค.67 ที่ศูนย์ราชการ อาคารอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัย กรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน.พรรคก้าวไกล(ขณะถูกร้อง )ว่ามีเจตนาใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 หรือไม่ กรณีเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
เวลา 12.30น. บรรยากาศทั่วไปมีมวลชนและสื่อมวลชน ทยอยเดินทางมาติดตามรายงานและให้กำลังใจ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบดูแลอย่างเข้มงวด บริเวณด้านหน้าอาคารฯ มีจอมอนิเตอร์ถ่ายทอดการวินิจฉัย เพื่อให้มวลชนได้รับชม ขณะที่ ศาลรัฐธรรมนูญ ยังคงใช้ประกาศศาลรัฐธรรมนูญ เรื่อง อาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย ประกาศ ณ วันที่ 12 มกราคม 2567
ทั้งนี้ (มาตรา 49 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2560 วางหลักไว้ว่า บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้ ผู้ใดทราบว่ามีการกระทำตามวรรคหนึ่งย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุด เพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้) สำหรับผู้ร้องให้มีการวินิจฉัยคดีนี้คือนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความของอดีตพระพุทธะอิสระ,แนวทางคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมี 3 แนวทางที่อาจเป็นไปได้ ดังนี้ แนวทางที่ 1 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง และให้ยกเลิกการกระทำ,แนวทางที่ 2 ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง แต่มีคำแนะนำที่เป็นกรอบการกระทำ และ แนวทางที่ 3 ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ยกคำร้อง