นครบาลเปิดปฏิบัติการปิดเมืองล่ามือฆ่าน้องเร ปูพรมค้น 7 จุด

321


“มันแก้ไม่ได้แล้วใช่หรือไม่” มหากาพย์ศึกสงครามระหว่าง 2 สถาบัน หลังเกิดเหตุที่ “ครูเจี๊ยบ-น้องหยอด” ถูกกลุ่มช่างกลอริยิงจนเสียชีวิต และนำมาสู่การเปิดโปงเบื้องหลังให้สังคมไทยได้รับรู้ แต่ตลาดยังไม่ทันวายการ “แก้แค้น” ก็เกิดขึ้นจากฝั่งคู่อริ

เมื่อวันที่ 26 ม.ค.2567 เวลาประมาณ 22.15 น. กลุ่มชายแต่งกายช่างกล จำนวน 9 คน รวมพลยกพวกบุกไปถึงหน้าสถาบันช่างกลปทุมวัน แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ก่อนจะลงมือควักอาวุธ “มีด” บุกกระหน่ำแทงนายวราวุธหรือเร ขันคำนอก อายุ 25 ปี นักศึกษาช่างกลปทุมวัน จนเสียชีวิต โดยจากวงจรปิดพบว่ากลุ่มคนร้ายเป็นคู่อริช่างกลได้อยู่บริเวณป้ายหน้าสถาบันฯ ใกล้บริเวณป้ายหยุดรถประจำทาง ถนนพระราม 1 ทั้งหมดได้แสดงอาการยั่วยุ โดยมีชายทราบชื่อต่อมาว่า นายโต้ ได้ขึ้นปีนขึ้นบนรั้วของสถาบันฯ เป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุการณ์จนมีผู้เสียชีวิต โดยจากการสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายมีการซ่องสุ่มกัน และออกมาก่อนเหตุ โดยมีการแอบซุกซ่อนอาวุธมีดใต้รองเท้าเพื่อยากต่อการตรวจค้นจากเจ้าหน้าที่


ล่าสุด พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.เดินเกมส์เงียบ เปิดปฏิบัติการปิดเมืองไล่ล่ามือฆ่า นำกำลัง สืบนครบาล สืบ6 และ สน.ปทุมวัน นำหมายค้นบุก “ทลายรังปลวก” 7 แห่งโดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. น.1 ส่ง พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และ พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6 นำกำลังชุดสืบนครบาล ร่วมกับ บก.น.6 ร่วมกันสืบสวนและยกระดับทลายจอมปลวกองค์กรองค์กรอาชญากรรมช่างกลเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีของนักศึกษา ตลอดจนเป็นการสร้างความหวาดกลัวของประชาชนที่พักอาศัยหรือสัญจรบริเวณดังกล่าวแบบขุดรากถอนโคก จึงเปิดปฏิบัติการปิดเมืองล่ามือฆ่าน้องเร ปูพรมค้น 7 จุด พื้นที่ กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. มอบหมายให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6, พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร รอง ผบก.น.6, พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.สส.บก.น.6 พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. และ พ.ต.อ.อาคม ชุมพรัตน์ ผกก.สน.ปทุมวัน ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาล, บก.น.6 และ สน.ปทุมวันร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายณัฐพร (สงวนนามสกุล) หรือ “โต้ 9 นิ้ว” อายุ 19 ปี หัวโจกของแก๊ง ,นายธีรทัศน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี และ นายการัณย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันพาอาวุธเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร” พร้อมด้วยของกลาง 3 รายการ คือ กล่องของมีดพับ BROWNIG Stainless steel Knife (กล่องลาย)​จำนวน 1 กล่อง ,กล่องของมีดพับ BROWNIG Stainless steel Knife B149 FA18 มีดพับกลางแจ้ง (กล่องสีดำ) จำนวน 1 กล่อง ,รองเท้าผ้าใบสีแดง พื้นขาว ยี่ห้อ VANs จำนวน1 คู่ จับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 1 ได้ที่ บริเวณโรงพยาบาล แขวงและเขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ตรวจค้นและจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 2 ได้ที่บ้านพัก ซอยรามคำแหง 68 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ และ ตรวจค้นและจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 3 ได้ที่ซอยรามคำแหง89 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร


พฤติการณ์กล่าวคือ ความขัดแย้งระหว่าง 2 ช่างกลคู่อริที่ไม่รู้จบ นำไปสู่การสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า จนเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 26 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา กลุ่มวัยรุ่นทรงช่างกล จำนวน 9 คน บุกรุมสะกรัมและ ใช้อาวุธมีดแทงนักศึกษาช่างกลปทุมวัน ดับอนาถถึงหน้าสถาบันช่างกลปทุมวัน หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. มอบหมาย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และ พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6 พร้อมชุดสืบนครบาล สืบ บก.น.6 เร่งสืบสวนหาตัวผู้ร่วมก่อเหตุ มารับโทษตามกฎหมายและไม่มีการละเว้น โดยได้แกะรอยจากแผนประทุษกรรมในคดี “ยิงครูเจี๊ยบและน้องหยอด” ที่สร้างความสะเทือนขวัญต่อสังคมไทยในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา จนรู้ถึง “วงจรชีวิต” ของกลุ่มนักเรียนช่างกล ซึ่งไม่เพียงสถาบันเดียว แต่สถาบันคู่อริอื่นๆ ก็กลับถูกปลูกฝังให้มี “แนวความคิด”ผิดๆที่คล้ายคลึงกัน คือ “ความเกลียดชังและการล้างแค้น” จนวิเคราะห์พฤติกรรมออกมาได้ว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ ต้องเป็นกลุ่มคู่อริที่ขัดแย้งกันมาช้านานกับกลุ่มสถาบันของผู้ตาย หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. สั่งการ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. “เอาให้เหี้ยน” ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบนครบาล สืบ6 และ สน.ปทุมวัน แกะรอยคนร้ายทั้ง 9 ราย เรียกได้ว่า “รู้ใส้รู้พุง” เพียง 2 วัน สามารถระบุตัวตนทั้ง 9 คนได้ และศาลได้อนุมัติหมายจับทั้ง 9 ราย โดยการสืบสวนติดตามของเจ้าหน้าที่ก็พบว่า “ทั้งสองสถาบัน” มีระบบ “เซฟเฮ้าส์” รังปลวกนอกรั้วโรงเรียน คอยปลูกฝัง “แนวความคิด” ที่ผิดเพี้ยนไม่ต่างกัน กระทั่งรุ่งสางวันที่ 29 ม.ค. 67 พล.ต.ท.ธิติฯ เปิดปฏิบัติการ “ปิดเมืองไล่ล่ามือฆ่า” นำกำลังเจ้าหน้าที่นำหมายค้นศาลเข้าตรวจค้นเซฟเฮ้าส์ต้องสงสัย 7 แห่ง จับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุและถูกออกหมายจับ 3 คน และตรวจยึดของกลาง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างนี้ได้นำตัวทั้ง 3 ราย พร้อมของกลางมาขยายผลที่ บก.สส.บช.น. หลังจากนี้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. จะมีการแถลงผลการจับกุมและการขยายผลโดยละเอียดต่อไป

ทั้งนี้ ในชั้นจับกุม นายณฐพรฯ ให้การภาคเสธ โดยอ้างว่า “ตนเองเข้าไปแค่ต่อยไม่ได้ใช้มีดแทง โดยในวันเกิดเหตุได้รวมตัวกันก่อนที่ในวิทยาลัยอุเทนถวาย ก่อนจะออกไปด้วยกันทั้งกลุ่ม ส่วนที่เดินไปถ่ายรูปหน้าป้ายวิทยาลัยปทุมวันนั้น เป็นแค่การเดินผ่านเพื่อไปกินข้าว ถ่ายเล่นๆไม่ได้ไปยั่วยุ แต่อย่างใด”
ส่วน ผู้ต้องหาที่เหลือให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา หลังจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ถ้าปีปีหนึ่งทั้งสองฝ่ายไม่ก่อเหตุ ตำรวจจะมีเวลาไปช่วยเหลือประชาชนได้อีกเป็นร้อยๆคน เป็นเรื่องน่าคิดว่าการมีอยู่ของลัทธินอกรั้วสถาบันทั้งสองนี้ประชาชนได้ประโยชน์อะไร หรือพวกเขาจะเป็นเพียง “ส่วนเกินของสังคม” ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วน “ต้องช่วยกันแก้ปัญหานี้”

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #สืบนครบาล