จากชาวจีนโพ้นทะเลที่มาแสวงโชคบนแผ่นดินสยาม จนกลายมาเป็นเทพเจ้าของนักแสวงโชค อ่านสนุกแบบมีทั้งศรัทธาและพาณิชย์ไปกับ คอลัมน์พระบ้าน by ต้นคนชอบพระ
ใครอยากเป็นเศรษฐี แน่นอนว่าถ้าเอาคำถามนี้ไปถามใครร้อยละร้อยต้องตอบว่า ฉันน่ะสิ แน่ๆ หนทางแห่งการเป็นผู้มีทรัพย์นั้นมีมากหลากวิธีแต่ที่ฮิตติดชาร์ตมวลชนคนสยามอย่างเราๆก็คือการเล่นหวย อันมีทั้งหวยบนดินที่ถูกกฏหมายและแบบแอบๆเล่นคือหวยใต้ดิน เรื่องหวยกับคนไทยเป็นอะไรที่อยู่กันมาช้านานตั้งรัชกาลที่3โน่น เดิมเรียกว่า ฮวยหวย แปลว่า ชุมนุมดอกไม้ เพราะแต่เดิมเขียนรูปหวยเป็นรูปดอกไม้ แล้วต่อมาเปลี่ยนจากรูปดอกไม้เป็นชื่อคน หวยเดิมเป็นการพนันของจีนโดยที่มีการริเริ่มกำเนิดหวยในเมืองไทยมาจากที่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่ง เกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 สมัยนั้นเกิดข้าวยากหมากแพงซึ่งคนที่ไม่มีเงินต้องทำงานใช้แรงเพื่อแลกข้าวกิน เงินตราที่มีอยู่ในประเทศค่อยๆ ลดหายไปจากตลาด พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ทรงสงสัยว่าเงินตราที่ทำออกมามากมายหายไปไหน ประจวบกับขณะนั้นเป็นช่วงที่มีฝิ่นระบาดหนัก ทรงเข้าพระทัยว่าคนเอาเงินไปซื้อฝิ่นมาสูบกันหมด จึงโปรดให้มีการปราบปรามเอาฝิ่นมาเผา แต่เวลาผ่านไปเงินตราก็ยังคงขาดตลาดอยู่เหมือนเดิม แต่อยุธยาไม่สิ้นคนดีฉันใดรัตนโกสินทร์ก็มี โคนัน ฉันนั้น ในที่สุดความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวก็ปรากฏ จีนหงหรือเจ้าสัวหง ผู้เป็นนายอากรสุรามีบรรดาศักดิ์เป็นพระศรีไชยบาน ได้ เข้าเฝ้ากราบทูลว่าจากการสืบถามได้ความว่า เงินตราที่มีอยู่พวกเหล่าไพร่ฟ้าเอาใส่ไหฝังดินไว้ไม่เอาออกมาใช้ (สมัยนั้นคงไม่มีสอนหลักสูตรการลงทุนนิ ) ถ้าจะให้มีการนำเงินออกจากไหคงต้องหาทางหลอกล่อด้วยการออกหวยอย่างในเมืองจีน
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 จึงโปรดให้จีนหง ออกหวยขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2378 ซึ่งหวยแบบในเมืองจีนนั้น ตัวหวยในแผ่นป้ายจะเป็นรูปคนที่สมมุติเป็นตัวหวย และเขียนชื่อเป็นภาษาจีนบอกชื่อตัวหวย พอเริ่มดำเนินการจริงก็เจอปัญหาว่า คนไทยอ่านภาษาจีนไม่ออกจึงต้องเขียนอักษรไทยกำกับไว้ด้วยคือ ใช้ ก ข ค เรียงไปตามลำดับแต่ตัดออก 8 ตัว คือ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ศ ษ เหลือเพียง 36 ตัว ก็เลยเป็นเหตุให้คนเรียกการพนันชนิดนี้ว่า หวย กข มาตั้งแต่บัดนั้น
( รูปหวย กข )
แม้ว่าคนนำเข้าการพนันที่เรียกว่าหวย จะเป็นเจ้าสัวหง แต่คนที่โดดเด่นกลับไม่ใช่เจ้าสัวหง แต่กลับเป็นชาวจีนเชื้อสายแต้จิ๋วที่เข้ามแสวงโชคในเมืองไทยในรัชสมัยของพระมงกูฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่6 ทำคุณงามความดีจนได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ชั้นพระ พระราชทานนามสกุล “เตชะวณิช” มีฐานะเป็นนายอากรบ่อนเบี้ย เป็นผู้ดำเนินการเรื่องหวย กข ในสมัยนั้นและเก่งในการเก็งและสกัดกั้นเลขเด็ด เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง เมื่อท่านเสียชีวิตก็มีการตั้งศาลและประดิษฐานรูปเคารพใน ฐานะเทพเจ้า
ท่านผู้นี้ มีนามว่า แต้หงี่ฮงแต่คนไทยรู้จักท่านในนาม ยี่กอฮง
( รูปแต้หงี่ฮงหรือยี่กอฮง )
ประวัติในช่วงต้นของท่านมีความสับสนพอสมควรแต่ที่แน่ๆ ยี่กอฮงท่านเป็นชาวจีนแต้จิ๋ว การถือกำเนิดนั้นบ้างก็ว่าเกิดที่เมืองจีนบ้างก็ว่าที่ปากน้ำ เมืองสมุทรปราการ ใน พ.ศ. 2394 ชื่อจริงของท่าน คือแต้หงี่ฮง เป็นบุตรของนายแต้ขี่เซ็ง (鄭詩生) ชาวจีนแต้จิ๋ว จากมณฑลกวางตุ้ง ที่อพยพมาไทยพร้อมกับภรรยา ต่อมาบิดาของท่านพาบุตรและภรรยากลับบ้านเกิดแล้วตัวบิดาท่านกลับ มาทำงานที่เมืองไทยอีกครั้งแต่เพียงผู้เดียว ต่อมาบิดาท่านได้ป่วยหนักและสิ้นชีพที่ประเทศไทย ในเวลานั้นตัวของ แต้หงี่ฮงมีอายุได้ เพียงเก้าขวบ มารดาของแต้หงี่ฮงได้ย้ายไปอำเภอเท่งไฮ และแต่งงานใหม่ แต่ตัวแต้หงี่ฮงไม่ถูกกับพ่อเลี้ยงอย่างแรง แต้หงี่ฮงจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านโดยมาลงเรือสำเภาหัวแดงที่ท่าเรือซัวเถา เพื่อเดินทางมาแสวงโชคที่ประเทศไทยในวัย 13 ปี เมื่อ พ.ศ. 2406
หนุ่มน้อยแต้หงี่ฮง ทำงานเป็นเด็กรับใช้อยู่แถวท่าเรือริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านสำเพ็ง ต่อมามีชาวจีนอำเภอก๊กเอี้ยชื่อ หลิ่มมั่ง (蟒) เป็นหนึ่งในก๊กกบฏเมืองแมนแดนสันติ ได้พาบริวารหนีการปราบปรามมาเมืองไทย และได้ตั้ง สมาคมอั้งยี่ เรียกกันว่า ตั๋วกอมั่ง (大哥蟒) และได้ชักชวนแต้หงี่ฮงซึ่งตอนนั้นมีอายุได้ 16 ปีแล้ว ให้เข้าร่วม สมาคมอั้งยี่ เมื่อตั๋วกอมั่งตาย แต้หงี่ฮงได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแทน แต่ไม่ยอมให้ใครเรียกตั่วกอ คนในสมาคมจึงเรียกกันว่า ยี่กอฮง (二哥豐) ต่อมาลูกพี่ยี่กอฮงได้เป็นนายอากรบ่อนเบี้ย คุมการออกหวย ก.ข. และทำการค้าหลายอย่าง โดยเฉพาะ กิจการเดินเรือกลไฟจีน-สยาม (華暹輪船公司) ในปี พ.ศ. 2493 และท่านได้เลือกทำเลปลูกคฤหาสน์อยู่ ตรงสถานีตำรวจนครบาลพลับพลาไชยในปัจจุบัน
( รูปศาลเจ้ายี่กอฮง )
จริงๆแล้วเรื่องเล่าระหว่างทางในชีวิตของท่าน ยี่กอฮง สนุกและน่าศึกษาในหลากแง่มุมมากแต่หากจะนำมาเล่าก็จะยาวเกินไปขอสรุปเลยละกันว่าท่านยี่กอฮงแม้จะเป็นอั้งยี่ที่มีปัญหากับทางราชการในสมัยนั้นแต่ส่วนตัวท่านก็เน้นการพัฒนาและสร้างกุศลโดยไม่เลือกว่าจะเป็นจีนเป็นไทยจนความทราบไปถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพอพระทัย อย่างมาก จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “พระอนุวัตน์ราชนิยม”รองหัวหมื่น กรมมหาดเล็ก แม้เมื่อครั้งเกิดความขัดแย้งระหว่างชาวจีนในเมืองไทยกับส่วนราชการไทยจนทำให้ตัวท่านยี่กอฮง ถูกริบทรัพย์และเป็นหนี้แผ่นดิน แต่ด้วยความดีที่กระทำมาพระเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่6 ก็ทรงมีพระเมตตายกหนี้ และให้อาศัยในคฤหาสน์ตรงพลับพลาไชยได้ต่อจนสิ้นอายุขัย หลังจากที่ ท่าน “ยี่กอฮง” ได้เสียชีวิตใน พ.ศ.2479 บริเวณบ้านเดิมก็ได้สร้างเป็นอาคารสถานีตำรวจพลับพลาไชยขึ้นแทน และเพื่อ เป็นการแสดงความเคารพต่อเจ้าของเดิม จึงได้สร้าง “ศาลพ่อปู่เจ้ายี่กอฮง” ไว้บนสถานีตำรวจพลับพลาไชย และมีรูปเคารพให้ไปกราบไหว้ในศาลเจ้ามูลนิธิป่อเต็กตึ้ง จากการแอบถามพบว่าเคยมีคนแถวๆนั้น มากราบไหว้ในเรื่อง “ขอหวย” ขอโชคลาภแล้วประสบความสำเร็จ ท่านจึงกลายเป็น เทพเจ้าหวย ของนักแสวงโชคจากตัวเลขไปโดยปริยาย นอกจากนี้ ท่าน “ยี่กอฮง” ก็สามารถประทานพรได้อีกหลายเรื่อง แต่เด่นๆ ก็เรื่องการเงิน การงาน และโชคลาภ ด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่างนี้ทำให้ท่านถูกยกย่องว่าเป็น เทพเจ้าของชาวหวย
( รูปเหรียญยี่กอฮง รุ่น บ่วงสื่อเฮง )
แต่หากนักแสวงโชคท่านใดไม่สะดวกไปกราบไหว้ขอพรท่านยังสถานที่ที่กล่าวมาแต่ว่า อยากถูกหวยกะเค้ามั่งอ่ะ ก็ขอนำเสนอวัตถุมงคลที่สามารถนำมาบูชา แถมพกพาไปไหนต่อไหนเหมือนมีท่านไปกะเราด้วยอย่าง “เหรียญยี่กอฮง” รุ่น “บ่วง ซื่อ เฮง” ด้านหลังเหรียญมีภาษาจีน อ่านว่า บ่วงสื่อเฮง (เฮงหมื่นเรื่อง) โดยเหรียญนี้ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช หรือที่รู้จักกันในนามขุนพันธ์ เป็นผู้จัดพิธีบวงสรวงและปลุกเสกให้ที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อ พ.ศ. 2541 มีการจัดสร้างหลายเนื้ออันมี เนื้อทองคำ เนื้อนาก เนื้อเงินหน้าทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวโลหะ และเนื้อทองแดง ซึ่งเป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ นักพนันและนักเสี่ยงโชคนิยมชื่นชอบ ทั้งชาวไทย และ ดังไกลไปถึงต่างแดน
คราวหน้ามาลุ้นกัน ว่าจะนำเสนอองค์ไหนหรือตำนานอะไรครับ
เขียนโดย
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก สื่อโซเซี่ยล ครับ
ปล. หากมีวัด ศาสนถาน โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯใดที่ต้องการประชาสัมพันธ์การขายวัตถุมงคลหรือบริจาคเพื่อการกุศลอย่างแท้จริง ทางคอลัม์พระบ้าน ยินดีประชาสัมพันธ์ให้ฟรีครับ
สนใจลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ ติดต่อ 0818214442 ต้น