“รองฯโจ๊ก”ตัดพ้อเหนื่อยใจแทนลูกน้อง คดีป้าบัวผัน ลั่นใครเอี่ยวเอาผิดหมด-ส่ง​5โจ๋มือฆ่าแยกกักสถานพินิจฯ

502

วันที่ 19 ม.ค.67 พล ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( รองผบ.ตร.)​เปิดเผยความคืบหน้าคดีเด็กและเยาชน 5 ราย ก่อเหตุฆาตกรรมป้าบัวผันจนเสียชีวิตอย่างทารุณและโหดเหี้ยมว่า เรื่องนี้แบ่งเป็น 2 คดี คือ คดีการเสียชีวิตของป้าบัวผัน ที่เกิดจากเด็กและเยาวชนทั้ง 5 คน ซึ่งตำรวจได้ควบคุมตัวไปดำเนินคดีฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ขณะนี้ส่งตัวไปอยู่สถานพินิจฯทั้งหมดแล้ว โดยตนเองได้พูดคุยกับอธิบดีสถานพินิจฯ ขอให้มีการแยกผู้ต้องหาทั้ง5คน ไม่ให้อยู่สถานแรกรับเดียวกัน ซึ่วจะมีที่จังหวัดระยองและกับจันทบุรี โดยผู้ต้องหาที่เป็นเด็กและเยาวชนจะต้องอยู่สถานพินิจฯไม่ต่ำกว่า 3 ปี แต่ไม่เกิน 18ปี จากนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะพิจารณาอย่างไร เพราะเด็กกลุ่มนี้ ยังมีคดีอื่นที่ตรวจสอบย้อนหลังอีกอย่างน้อย5 คดี ส่วนผู้ปกครองจะต้องถูกดำเนินคดีฐานปล่อนปละละเลยบุตรหลาน ซึ่งตนเองจะเดินทางไปตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับคดีนี้รวมถึงคดีย้อนหลังอื่นๆ ในเวลา 14.00น.ที่สภ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว

ส่วนอีกกรณีคือ ตำรวจ สภ. อรัญประเทศ ที่รู้ว่า ลุงเปี๊ยกไม่ได้เป็นคนฆ่าป้าบัวผัน หลังนำตัวไปฝากขัง เบื้องต้นพบว่า มีการนำลุงเปี๊ยกมาไว้ที่ห้องสอบสวน สภ.อรัญฯ ตั้งแต่เช้าวันเสาร์ที่ 13 ม.ค.67 ไปถึงเที่ยงรวมกว่า 9 ชม.พร้อมกับมีการบังคับคลุมถุงดำ ถอดเสื้อตากแอร์ให้หนาว และบังคับขู่เข็ญให้รับคำสารภาพ ย้ำว่าขั้นตอนเหล่านี้ทำให้ได้มาซึ่งคำรับสารภาพที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมกับยืนยันว่าตำรวจรู้ตอนเย็นวันเสาร์หลังจากที่นำลุงเปี๊ยกไปฝากขังแล้ว ว่าเป็นการจับผิดตัวโดยมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างตำรวจด้วยกันว่า “ซวยแล้ว”ซึ่งที่ผ่านมาทำให้เรื่องราวใหญ่โต เพราะ ผกก.สภ.อรัญประเทศ ไม่สามารถติดต่อได้ จึงไม่รู้ความจริงที่เกิดขึ้น ทางผู้เสียหายจึงมาร้องทุกข์ต่อตนเอง และวันอาทิตย์ที่ 14 ม.ค.ทางผกก.สภ.อรัญฯ ก็แก้ปัญหาด้วยการขอปล่อยตัวลุงเปี๊ยก ส่วนสาเหตุยอมรับว่าตำรวจต้องการปิดคดีให้เร็ว ย้ำว่าไม่ได้เป็นการช่วยเหลือลูกตำรวจด้วยกัน แต่ความผิดที่เกิดขึ้นในกรณี พ.ร.บ.อุ้มหายฯมันสำเร็จแล้ว ดังนั้นหากบุคคลใดที่เข้าไปเกี่ยวข้องก็ต้องถูกดำเนินคดีโดยไม่มีการละเว้น ไม่ว่าจะเป็นความผิดฐานปฎิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ

รอง ผบ.ตร.ยังตัดพ้อกับผู้ใต้บังคับบัญชาหลังได้ยินคลิปเสียงการสนทนาของตำรวจหลังนำตัวลุงเปี๊ยกไปฝากขัง โดยบอกว่า “เหนื่อยใจแทน ใครเกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีทุกคน “

รองอธิบดีกรมพินิจฯ ยันแก๊งลูกตำรวจสระแก้ว อยู่ในสถานพินิจฯ แยกส่งตัวไป “จันทบุรี-ระยอง” ป้องกันสร้างปัญหา

วันนี้ (19 ม.ค.) นายโกมล พรมเพ็ง รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เปิดเผยกรณีเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่ง โพสต์ภาพกลุ่มวัยรุ่น 5 คน จ.สระแก้ว นั่งกินดื่มอยู่ที่ทางเท้าหน้าร้านแห่งหนึ่ง และอีกข้อความระบุว่า “อยู่สถานพินิจฯ 2 วันปล่อยตัวออก ” นั้น ว่า ยืนยันเด็กทั้ง 5 ยังอยู่ในการควบคุมของสถานพินิจ โดยวานนี้ (18 ม.ค.) ส่งตัวเยาวชน 3 ราย อายุ 13 ปี , 14 ปี , 16 ปี ไปสถานพินิจ ฯ จันทบุรี เนื่องจากสถานพินิจฯ สระแก้ว เป็นสถานที่ควบคุมชั่วคราว มีลักษณะเป็นห้องแถวไม่เหมาะสมกับการดูแลเด็กระยะยาว ปกติจะควบคุมเพียง 3-5 วันก่อนส่งตัวไปต่อสถานพินิจฯ ที่มีแดนแรกรับในโซนภาคตะวันออก คือ สถานพินิจฯ จันทบุรี อยู่แล้ว ส่วนอีก 2 คน ที่เป็นลูกตำรวจ อายุ 14 ปี และ เยาวชน 13 ปี วันนี้จะส่งไปยังสถานพินิจฯ ระยอง เพื่อต้องการแยกออกจากกัน เกรงหากอยู่รวมกันจะเกิดปัญหาตามมาอีก ทั้งนี้ ภาพในร้านกระท่อมดังกล่าวเป็นภาพเก่าก่อนเกิดเรื่องป้าบัวผันและยังไม่ได้เข้าสถานพินิจ ส่วนเห็นภาพรถไปรับเด็กนั้นก็คือนำตัวเอาไปไว้สถานพินิจฯ จันทบุรี

นายโกมล กล่าวตามหลักการว่า หลังพนักงานสอบสวนจับกุมตัวภายใน 24 ชั่วโมง ต้องสอบปากคำให้เสร็จสิ้นเบื้องต้น จากนั้นส่งศาลให้ฝากขังสถานพินิจฯ ควบคุมตัว ถ้าผู้ปกครองจะขอประกันต้องยื่นต่อศาลแต่เชื่อว่าคงไม่กล้าขอประกันตัวเพราะกระแสสังคมค่อนข้างแรง และหากยื่นศาลคงใช้ดุลยพินิจไม่ให้ประกันตัว มองว่าให้อยู่ในสถานพินิจฯ สังคมจะปลอดภัยกว่า ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการยื่นประกันตัวแต่อย่างใด นอกจากนี้ ในส่วนการฝากขังจะได้ไม่เกิน 4 ฝาก (1 ฝาก 12 วัน) เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพต้องสอบปากคำให้เสร็จสิ้นภายใน 23 วัน ก่อนส่งรายงานต่อพนักงานสอบสวนและศาลตามลำดับ โดยเคสนี้ไม่ซ้ำซ้อนและหลักฐานชัดเจน มีเพียงกระแสโซเชียลจนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ต่อการควบคุมเด็ก

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #รองโจ๊ก #คดีป้าบัวผัน #ลุงเปี๊ยก