ปลูกกล้วยตัดใบขายสร้างรายได้งาม

897

แปลงใหญ่กล้วยตัดใบ หมู่ที่ 5 ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ. นครสวรรค์ ผลิตใบกล้วยคุณภาพ สร้างรายได้สู่กลุ่มแปลงใหญ่

นายชายศักดิ์ วุฒิศักดิ์ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 12 นครสวรรค์ (สศท.12) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร หรือ สศก. เปิดเผยว่า จ.นครสวรรค์ นับเป็นแหล่งปลูกกล้วยน้ำว้าดง (น้ำว้าเขียว)ที่สำคัญเพราะพื้นที่สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี เกษตรกรจึงเกิดแนวคิดรวมกลุ่ม แปลงใหญ่กล้วยตัดใบ หมู่ 5 ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นแปลงใหญ่กล้วยตัดใบแห่งเดียวในจังหวัด เพื่อจัดหาและขยายตลาดโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยตัดใบในพื้นที่

จากการติดตามของ สศท.12 พบกลุ่มแปลงใหญ่กล้วยตัดใบเริ่มดำเนินการ ปี 65 ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกรวม 374 ไร่ มีสมาชิก 32 ราย โดยมีนางนารี ลอยบัณฑิต เป็นประธานแปลงใหญ่ เกษตรกรนิยมปลูกกล้วยพันธุ์น้ำว้าเขียว เพราะสามารถตัดใบได้ตลอดทั้งปี สีสวยกว่ากล้วยพันธุ์อื่น เมื่อนำไปห่อหุ้มอาหารหรือขนมจะไม่มีรสขมของใบกล้วยปะปนกับอาหาร เกษตรกรลงทุนในปีแรก (ต้นทุนก่อนให้ผล) 9,875 บาท/ไร่ ประกอบด้วย ค่าหน่อพันธุ์ ค่าเตรียมพื้นที่ ค่าแรงงานปลูก และค่า ใช้จ่ายอื่น ๆ ในช่วงการเก็บเกี่ยวผลผลิต (ต้นกล้วยอายุ 6 – 8 เดือน) จะมีต้นทุนเฉลี่ย 13,933.75 บาท/ไร่/ปี ค่าใช้จ่ายหลัก ๆ คือ การเก็บเกี่ยวผลผลิต เนื่องจากเกษตรกรให้ความสำคัญในกระบวนการเก็บเกี่ยวและการรักษาใบกล้วยให้ได้คุณภาพตามมาตรฐาน ตรงกับความต้องการของตลาดซึ่งต้องใช้ความพิถีพิถัน โดยเกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 10 – 20 ปี ผลผลิตเฉลี่ย 3,360 กิโลกรัม/ไร่/ปี ราคาขายได้ ณ เดือนธ.ค.66 เฉลี่ย 8 – 10 บาท/กิโลกรัม แต่หากเป็นช่วงฤดูแล้งที่ใบกล้วยขาดแคลน (ช่วงเดือนก.พ.66) ราคาจะสูงถึง 11 – 14 บาท/กิโลกรัม ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 26,880 บาท/ไร่/ปี คิดเป็นผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 12,946.25 บาท/ไร่/ปี ด้านสถานการณ์ตลาด ผลผลิตส่วนใหญ่ ร้อยละ 85 พ่อค้าคนกลางในพื้นที่ที่เข้ามารับสินค้าเพื่อนำไปส่งต่อตลาดขายส่ง และผลผลิตร้อยละ 15 จำหน่ายเองโดยตรงไม่ผ่านคนกลางโดยส่วนใหญ่ส่งไปขายที่ตลาด    สี่มุมเมือง ซึ่งสามารถจำหน่ายได้ราคาสูงกว่าที่จำหน่ายผ่านพ่อค้าคนกลางประมาณ 3 – 4 บาท/กิโลกรัม


กระบวนการผลิตกล้วยตัดใบของกลุ่ม พบเมื่อเกษตรกรนำหน่อพันธุ์กล้วยมาปลูกจนได้อายุ 7 – 8 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ต้นกล้วยเจริญเติบโตเต็มที่ เกษตรกรจะตัดใบแล้วนำมาแยกใบออกจากก้าน พับใบเป็นมัด (มัดละ 10 กิโลกรัม)โดยจะเก็บเกี่ยวในช่วงที่ไม่มีน้ำค้าง เพราะหากเก็บเกี่ยวช่วงมีความชื้นผลผลิตใบกล้วยจะแตก/ฉีกขาด นิยมเก็บเกี่ยวในช่วงเช้า 6.00 – 8.00 น. และช่วงเย็น 17.00 – 18.00 น. การดูแลรักษา จะให้น้ำสปริงเกอร์แบบท่อนในสวนกล้วยหรือสูบแบบเทราด 2 – 4 ครั้ง/เดือน ทั้งนี้ เมื่อกล้วยต้นแม่ออกลูกแล้วจะตัดต้นแม่ทิ้ง เนื่องจากเป็นกล้วยตัดใบเพื่อให้หน่อใหม่เจริญเติบโต สำหรับหน่อกล้วยที่สมบูรณ์ เกษตรกรสามารถตัดหน่อจำหน่ายได้ราคาเฉลี่ย 10 – 15 บาท ส่วนปลีกล้วย ราคาเฉลี่ย 5 บาท/กิโลกรัมโดยเฉลี่ยเกษตรกรมีรายได้จากการขายหัวปลี 500 – 2,000 บาท/เดือน

ทั้งนี้ การปลูกกล้วยตัดใบสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนในกลุ่มได้เป็นอย่างมาก หากมีตลาดที่กลุ่มสามารถขายตรงได้ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง กลุ่มสามารถผลิตได้ตามความต้องการเนื่องจากมีพื้นที่ปลูกกล้วยตัดใบในตำบลอย่างเพียงพอ   ทั้งกลุ่มมีการพัฒนาศักยภาพการผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ใบกล้วยที่มีคุณภาพ สำหรับท่านใดที่สนใจข้อมูลสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่นางนารี ลอยบัณฑิต โทร 08 5730 9552 หรือ สศท.12 โทร 0 5680 3525 อีเมล์ zone12@oae.go.th

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #รองโจ๊ก #คดีป้าบัวผัน #ลุงเปี๊ยก