นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธาณสุข ฝ่ายการเมือง ตอบโต้ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ที่ลุกขึ้นอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ในเรื่องของกระทรวงสาธารณสุข พาดพิงมาถึง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาลปัจจุบัน โดยกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า หากผู้ป่วยยาเสพติด ถ้าเข้าสู่กระบวนการรักษาแล้ว จะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องจนถึงบ้าน รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งไว้ที่ 60% แต่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพิ่มเป็น 62% ในปีนี้ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนปีสุดท้ายของรัฐบาลเพิ่มขึ้นเป็น 68% ซึ่งดูดี น่าจะไปได้ แต่ผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำได้ 65% แต่รัฐบาลปัจจุบันตั้งตัวชี้วัดที่ 62% ของเดิมได้ 65% ถ้าแบบนี้ไม่ต้องมีรัฐบาลก็ได้ กรณีนี้นพ.วาโยอย่าติดนิสัยฝ่ายแค้นจนใส่ข้อมูลแค่แปดบรรทัดมาให้ประชาชนสับสนและเข้าใจผิดเพียงเพราะการรีบอ่านข้อมูลเพื่อมาอภิปราย
“ซึ่งถ้าหมอวาโย ได้ศึกษาวิธีการจัดทำงบประมาณอย่างละเอียดและถี่ถ้วน จะรู้ว่า การตั้งค่าเป้าหมายตัวชี้วัดที่ 62% นั้น เป็นการตั้งค่าเป้าหมายในช่วงของการจัดทำงบประมาณขาขึ้น ตามขั้นตอนของการตั้งเป้าหมายที่ 60-62-64 ซึ่งจะรู้ว่าผลงานจะออกมาเป็นเท่าไหร่ ต้องติดตามการทำงานครบ 1 ปี หรือ 365วัน จึงจะทราบว่าบทสรุปจะออกมากี่เปอร์เซ็นต์ และจะบอกได้ว่า ทำได้เกินหรือต่ำกว่าที่ตั้งค่าไว้ การเข้ามาทำงานในรัฐบาลบาลของนพ.ชลน่าน เพิ่งผ่านมาเพียง 100 วัน ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขออกมาได้ ท่านเอาตัวเเลขมาจากที่แห่งหนตำบลใด อย่าเอาข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนมาอธิบายแบบขาดเกินๆ แบบนี้ ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและสาธารณะ อย่าคิดเพียงแค่ประโยชน์ส่วนตน ซึ่งตัวเลขที่พล.อ.ประยุทธ์ทำได้ 65% ในปี 65 นั้น ตั้งจากเกณฑ์ที่ทำได้จริงในปี 64 ที่ทำได้แค่ 55% เท่านั้น แต่เมื่อประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่มีผลบังคับใช้ ในปี65 มีการบังคับบำบัด การติดตามคนมาเข้ารับการบำบัด ทำได้ง่ายขึ้น ตัวเลขจึงขึ้นไปถึง 65%
น.ส ตรีชฎา ระบุว่า อยากให้คุณหมอวาโยติดตามการทำงานของนพ.ชลน่าน อย่างใกล้ชิดให้ครบ 1 ปีกรอบ 365 วัน ผลงานการทำงานที่เป็นผลประโยชน์ต่อประชาชนอาจจะได้เห็นตัวเลขผลงานสูงถึง 90% จากที่ตั้งเป้าไว้ 62% สิ่งที่หมอวาโยต้องรับทราบ คือ ผลงานการฉีดวัคซีน HPV ให้กับเด็กผู้หญิงอายุ.11-20 ปีเกินกว่า 1 ล้านโดสก่อน 100 วัน และเพิ่มการรักษาสิทธิในหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าขยายมาถึงการรักษามะเร็งในเด็กด้วยการฝังแร่และผ่าตีตัดด้วยหุ่นยนต์ รวมถึงการใช้ไซโครตรอนซึ่งเป็นการรักษามะเร็งขั้นสูงได้ครอบคลุม รวมถึงอีก 2 วัน คนร้อยเอ็ด นราธิวาส แพร่และเพชรบุรี จะสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ และจะขยายไปอีกหลายจังหวัดจนไปถึงทั้งประเทศ ฯลฯ เรื่องราวดีๆ เหล่านี้ทำไมไม่เอามาอภิปรายชื่นชมในสภาบ้าง ว่า กระทรวงสาธารณสุขควรได้รับงบประมาณเพิ่มเพราะเป็นกระทรวงที่ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์สร้างความเท่าเทียมให้กับประชาชน หรือเพราะถนัดด่ามากกว่าถนัดชม ความจริงหนีกันไม่พ้น แต่อย่าเอาข้อมูลที่ไม่จริงมาทำให้ประชาชนเข้าใจผิด จะเป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพที่ประชาชนอยากเห็นมากกว่า”