วันที่ 18 ธันวาคม 2566 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ส. ร่วมพิธีเปิดโครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืน ในตำบลแพร่ระบาดยาเสพติดสูงสุด 100 ตำบล ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ของ สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงให้ความร่วมมือตามโครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืนดังกล่าว โดยมี นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผอ.ปปส.ภ.3 พล.ต.ต.พิษณุ วัตถุ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ นายวิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ นายสุกิจ เหลืองสกุลไทย นายอำเภอกันทรลักษ์ พ.ต.อ.นรินทร์ บุพตา ผกก.สภ.กันทรลักษ์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมทั้งสิ้น 450 คน ณ หอประชุมโรงเรียนกระแชงวิทยา ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีนโยบายลดความรุนแรงของยาเสพติดภายใน 1 ปี จึงได้มี “โครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืน ในตำบลแพร่ระบาดยาเสพติดสูงสุด 100 ตำบล ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล” โดยให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน หมู่บ้าน ตำบล โดยเสริมสร้างให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง เข้าใจ และรับรู้ปัญหาพิษภัย ที่เกิดขึ้นจากยาเสพติด เพื่อให้เกิดกระบวนการป้องกัน แก้ไข และการบำบัดยาเสพติด โดยการมีส่วนร่วมของคนในหมู่บ้าน ชุมชน ตำบล และเพื่อสร้างรูปแบบการดำเนินงาน ในหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็ง ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันผู้เสพยาเสพติดและไม่สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้ มีจำนวนประมาณ 4,414 คน กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ แต่กระจุกตัวอยู่ที่ 30 จังหวัด 85 อำเภอ โดยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 11 จังหวัด และตอนล่าง ได้แก่ ชัยภูมิ และศรีสะเกษ ที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดในระดับตำบลค่อนข้างมาก ซึ่งวันนี้ได้มาที่ตำบลกระแชง เพื่อให้กำลังใจ พร้อมให้แนวคิดและคำแนะนำกับชาวบ้านเพื่อลุกขึ้นต่อสู้กับยาเสพติดในพื้นที่ การแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องปลุกชุมชน ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ ส่วนกรณีของภาครัฐได้หารือแนวทางกับนายกรัฐมนตรี โดยให้ใช้มาตรา 5(10) สกัดกั้นตามแนวชายแดนเพื่อไม่ให้ยาบ้าทะลักเข้ามาในบ้านเราได้ง่ายขึ้น กลไกของรัฐต้องขับเคลื่อนโดยความร่วมมือของแม่ทัพภาคที่ 3 และแม่ทัพภาคที่ 2 จุดแตกหักในการแก้ไขปัญหายาเสพติดคือชุมชน ชุมชนต้องเข้มแข็ง จะทำอย่างไรให้ชุมชนเข้มแข็ง ชาวบ้าน ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร สาธารณสุข ฝ่ายปกครอง ต้องลุกมาต่อสู้ร่วมกัน
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ชุมชนลุกขึ้นมาต่อสู้ คือเขาต้องมีความคาดหวังในการปฏิบัติหน้าที่ การอยู่ร่วมกันระหว่างภาครัฐและประชาชนต้องไม่มีความหวาดระแวง เมื่อชาวบ้านชี้เบาะแสมาให้กับภาครัฐ เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องร่วมมือกับฝ่ายปกครองต้องเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย เพื่อยึดอายัดตัดวงจรผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ เมื่อนั้นชาวบ้านก็จะมั่นใจและเชื่อมั่นมากขึ้น และลุกขึ้นมาร่วมมือกับภาครัฐในการขับเคลื่อนนโยบายต่อไป
