ตำรวจน้ำดีไหลออก สะท้อนกฎแต่งตั้งเหลว”เส้นสาย-พรรคพวก”ยังแกร่ง!!                          

812

นับแต่กฎหมายตำรวจ 2565 บังคับใช้ ชาวสีกากีต่างคาดหวังจะได้เห็นการแต่งตั้งโยกย้ายทุกระดับเกิดความเป็นธรรมมากขึ้น

           โดยเฉพาะมาตราที่เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้าย เขียนไว้อย่างรัดกุม ยึดระบบอาวุโส ความรู้ความสามารถ อย่างเหนียวแน่น  มีบทลงโทษผู้บังคับบัญชาที่ใช้อำนาจแต่งตั้งไม่เป็นธรรม แถมมีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ(ก.พ.ค.ตร.)เสมือนเป็นองค์กรอสิระให้ร้องขอความเป็นธรรมอีกด้วย ซึ่งกฎกติกานี้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในการแต่งตั้งระดับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)-ผู้บังคับการ(ผบก.)ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก แม้จะมีเสียงตำหนิอยู่บ้างในการตั้ง ผบ.ตร. แต่ผู้เกี่ยวข้องสามารถอธิบายถึงเหตุผลจนเป็นรับฟังได้

      แต่เมื่อมาถึงการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผบก.-สารวัตร(สว.) กฎกติกาที่ดูเข้ม กลับกลายเป็นอ่อนปวกเปียก เพราะมีเสียงครหาอื้ออึงถึงระบบเส้นสายและพรรคพวก

     ที่เป็นหลักฐานชัดเจนที่สุดน่าจะเป็นกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดระหว่างประชุมสส.พรรคเพื่อไทย ว่า”ผู้กำกับใหม่ ซึ่งผมมั่นใจว่ามีผู้ผิดหวังมากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ที่ขอตำแหน่งไป เพราะรู้สึกมันเยอะเหลือเกิน แต่มีไม่น้อยที่ได้สมหวัง….” จนถูก สส.ฝ่ายค้านนำไปตั้งกระทู้ถามสดในสภา แต่นายเศรษฐาเลี่ยงไม่ไปตอบ กลับมอบหมายให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรีไปตอบแทน

     แต่ที่สะท้อนได้ดีที่สุดน่าจะเป็นข่าวการยื่นใบลาออกของนายตำรวจน้ำดีหลายนาย โดยเฉพาะการยื่นใบลาออกของ พ.ต.ท.บดินทร เพ็ญสูตร สว.(สอบสวน) สน.พระโขนง ดูตามประวัติจัดว่าเป็นนายตำรวจที่มากความสามารถ นับแต่รับราชการตำรวจเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2550 อุทิศตนปฏิบัติหน้าที่ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาโดยตลอด ใฝ่รู้ได้ทุนไปเรียนที่ประเทศจีนจึงมีความเชี่ยวชาญด้านภาษาจีนและสื่อสารได้เป็นอย่างดี เข้าร่วมสะสางคดีสำคัญๆตั้งแต่การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่แอบมาตั้งฐานทำความผิดในประเทศไทย  ติดตามประสานงานจนสามารถจับกุมคนไทยที่ไปเปิดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศจีน และร่วมปราบปรามแก๊งจีนเทาในประเทศไทย รวมถึงทำหน้าที่ล่ามให้กับผู้บังคับบัญชาระดับสูงเมื่อประชุมร่วมกับสถานทูตจีน หรือกระทรวงความมั่นคงสาธารณรัฐประชาชนจีน และเป็นผู้ประสานความร่วมมือกับตำรวจจากกระทรวงความมั่นคงของจีน

      พ.ต.ท.บดินทร ให้เหตุผลที่ไขก๊อกว่าจากการแต่งตั้งโยกย้าย ผู้บังคับบัญชาไม่ได้มองเห็นความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่ได้ย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งที่เหมาะสมในด้านภาษา แต่อย่างใด

  “อีกทั้งให้อยู่ในหน่วยงานที่ไม่ได้ใช้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด ทำให้รู้สึกว่าผมมีคุณค่าไม่เพียงพอที่จะทำงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”พ.ต.ท.บดินทร ระบุ

   สำหรับ พ.ต.ท.นรินทร จบโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 48 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 64 เป็นบุตรชาย พล.ต.อ.สันติ เพ็ญสูตร อดีตรองผบ.ตร.น้ำดีที่ตำรวจยกมือไหว้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจ จัดว่าเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนถึงการละเลยกฎกติกาและความล้มเหลวของผู้บริหารองค์กรตำรวจ

  ขณะเดียวกันมีตำรวจอีกจำนวนหนึ่งที่ใช้สิทธิ์ร้องผ่านคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) โดยเฉพาะ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ โพสต์เฟสบุ๊คสะท้อนปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายหลายกรณี อาทิ การแต่งตั้งออกนอกหน่วยจำนวนมาก ทำให้ตำรวจร้องทุกข์เข้ามาว่าได้รับความเดือดร้อนทั้งส่วนตัวและครอบครัว ไม่สามารถไปปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  พล.ต.อ.เอก ยังโพสต์อีกว่า ตำรวจจำนวนหนึ่งยื่นจับคู่ย้ายกลับภูมิลำเนาเพื่ออุปการะครอบครัว แต่ปรากฎว่าบางคู่ย้ายไม่ได้ย้าย เพราะต้นสังกัดไม่ปล่อยตัวหรือหน่วยปลายทางไม่ยอมรับตัว ทั้งที่มีกฎเกณฑ์ให้พิจารณาดำเนินการได้

 “การแต่งตั้ง รอง ผกก.(สอบสวน)ขึ้นเป็นผกก.(สอบสวน) ปรากฏว่า รอง ผกก.(สอบสวน)ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น ผกก.(สอบสวน)น้อยมากและได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็น ผกก.หน.สน./สภ. ยิ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับ รอง ผกก.ป.และรองผกก.สส.”พล.ต.อ.เอกระบุและว่าการแต่งตั้งตำรวจให้เป็นไปตามระบบคุณธรรมอาจจะยากมากๆ(บางท่านอาจเห็นไปถึงว่าเป็นไปไม่ได้เลยก็ตาม) แต่ต้องพยายามทำให้ได้เพราะสังคมยังต้องการให้ปกป้องตำรวจดีเพื่อทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ให้กับประชาชน

  เมื่อมองบริบทโดยรวมพออนุมานได้ว่าระบบการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจยังวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์ แม้จะร่างกฎกติกาออกมาดีแค่ไหน ถ้าผู้นำองค์กรและผู้บริหารระดับสูง ยังไร้ภาวะผู้นำ ดำรงตนเพื่อรักษาเก้าอี้และเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง เดินสายสร้างภาพไปวันๆ กฎกติกาก็ไร้ความหมาย

    จึงไม่แปลกที่ทุกครั้งเมื่อมีการแต่งตั้งจะเห็นข่าวตำรวจน้ำดีถึงยื่นไขก๊อกกันแบบไม่แยแส เสมือนการตบหน้าผบ.ตร.และรอง ผบ.ตร.ฉาดใหญ่

     ดังนั้นนับแต่นี้ไปขอให้ตำรวจทุกนายทำใจว่าเมื่อถึงเวลาแต่งตั้งโยกย้ายเตรียมหาทุน หาเส้น ไว้เพื่อไต่เต้าสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น  เพราะแม้แต่ พล.ต.อ.เอกยังบอกว่าการแต่งตั้งโยกย้ายให้เป็นไปตามระบบคุณธรรมอาจจะยากมากๆ(บางท่านอาจเห็นไปถึงว่าเป็นไปไม่ได้เลย) !!!