‘เศรษฐา’ จัดงานเลี้ยงฉลองชัยทัพนักกีฬา อชก.-เอเชี่ยนพาราเกมส์ มอบเงินอัดฉีด 353.9 ล้านบาท!!

544

รัฐบาลไทย จัดงานเลี้ยงฉลองชัยความสำเร็จทัพนักกีฬาไทยชุดเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 และเอเชี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ณ เมืองหางโจว ประเทศจีน พร้อมมอบเงินรางวัลอัดฉีดจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) รวมทั้งสิ้น 353,925,000 บาท



เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในงานเลี้ยงฉลองชัยมอบเงินรางวัล และแสดงความยินดีให้แก่ นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬา และคณะเจ้าหน้าที่ ชุดเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 และกีฬาเอเชี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ณ เมืองหางโจว ประเทศจีน โดยมี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี, นายณณัฐ หงส์ชูเวช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และ ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) เข้าร่วมงานด้วย



ภายในงานยังมี พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย ร.ท.ณัยณพ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกเเห่งประเทศไทย, พล.ต.โอสถ ภาวิไล เลขาธิการคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย และประธานสหพันธ์กีฬาคนพิการแห่งอาเซียน พร้อมด้วยผู้บริหารของแต่ละสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย นำคณะนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และเจ้าหน้าที่เข้าร่วมรับรางวัล


ผลงานของทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 คว้ามาได้ 12 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน 32 เหรียญทองแดง จบอันดับ 8 ของตารางรวมเหรียญรางวัล ขณะที่ในกีฬาเอเชี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 คว้ามาได้ 27 เหรียญทอง 26 เหรียญเงิน 55 เหรียญทองแดง จบเป็นอันดับที่ 7 ของตารางรวมเหรียญรางวัล



เมื่อพิธีการเริ่มขึ้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชมวิดีทัศน์ภาพรวมเกี่ยวกับนักกีฬาไทยในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 และกีฬาเอเชี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ก่อนมอบเงินรางวัล และของที่ระลึกแก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน และสมาคมกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัล พร้อมกับมอบของที่ระลึกให้กับ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และร.ท.ณัยณพ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกเเห่งประเทศไทย จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีกับความสำเร็จของทัพนักกีฬาไทยจากการแข่งขันทั้ง 2 มหกรรมกีฬาระดับเอเชีย รวมทั้งแนวทางการพัฒนาวงการกีฬาไทยต่อไปในอนาคต



นายเศรษฐา ทวีสิน กล่าวว่า ภารกิจของนายกรัฐมนตรีมีหลายอย่าง และภารกิจที่อยากมาด้วยความเต็มใจเป็นพิเศษคือ การกีฬา เพราะชอบเล่นกีฬา ให้เกียรติ มีความปรารถนาดีกับการกีฬามาตลอดตั้งแต่เป็นภาคเอกชนมาจนถึงรัฐบาล สำหรับผลงานของนักกีฬาไทยเอเชียนเกมส์ และเอเชียนพาราเกมส์ ถือว่าประสบความสำเร็จ บางกีฬาอาจผิดหวังบ้าง บางกีฬาทำได้เกินคาด รัฐบาลจึงได้จัดงานแสดงความยินดีชื่นชมเป็นขวัญกำลังใจให้กับนักกีฬาที่นำธงชาติไทยไปโบพสะบัดที่ประเทศจีน ซึ่งผลงานอันดับ 8 ในเอเชียนเกมส์ ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับประชากรไทย และสูงเกินความคาดหมาย



นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลพร้อมหาแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนให้กับวงการกีฬาที่ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ซึ่งจะต้องพัฒนาเชิงพื้นฐานอีกมาก ปัจจัยที่ขาดไม่ได้คือแหล่งเงินทุน ความเอาใจใส่จากภาครัฐในการดูแลที่เหมาะสม และเสมอภาค รวมทั้งเรื่องผู้ฝึกสอน ยืนยันว่ารัฐบาลจะแหาแหล่งเงินทุนเป็นขวัญกำลังใจให้กับนักกีฬา และได้จัดทำโครงการ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจพลัส รวมทั้งแต้งตั้งที่ปรึกษาด้านกีฬา เพื่อพัฒนาวงการกีฬา โดยตั้งใจว่าเงินที่นักกีฬาจะได้รับจะสูงขึ้นแน่นอน เช่นเดียวกับนักฬาคนพิการที่จะยกระดับค่าตอบแทนให้สูงขึ้น ทั้งกลไกการจ้างงาน และสิทธิประโยชน์ด้านภาษี


“ขอบคุณภาคเอกชน และรัฐวิสาหกิจ ที่เข้ามาดูแลวงการกีฬา ครั้งนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดีให้นักธุรกิจได้เข้ามาแข่งขันกันพัฒนานักกีฬาให้ประสบความสำเร็จในเวทีโลก ผมขอให้นักกีฬาทุกคนอย่างลดความพยายาม และมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยต่อไป” นายกรัฐมนตรี



สำหรับทัพนักกีฬาทีมชาติไทย และทัพนักกีฬาคนพิการไทยได้รับเงินรางวัลจากการแข่งขันรวมทั้งหมด 353,925,000 บาท ประกอบด้วย ผลงานในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 คว้ามาได้ 12 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน 32 เหรียญทองแดง โดยตามหลักเกณฑ์ของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จะได้รับเงินรางวัล เหรียญทองละ 2 ล้านบาท, เหรียญเงินละ 1 ล้านบาท และเหรียญทองแดงละ 500,000 บาท สรุปเหรียญรางวัลของนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และสมาคมกีฬา ได้รับเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 244,200,000 บาท แบ่งแยกตามแต่ละสมาคมกีฬา ดังนี้

(1)​สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 10,500,000 บาท

(2)​สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 18,000,000 บาท
(3)​สมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 8,250,000 บาท
(4)​สมาคมกีฬาคาราเต้แห่งประเทศไทย 1,500,000 บาท
(5)​สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 2,250,000 บาท
(6)​สมาคมกีฬาคูราชแห่งประเทศไทย 1,500,000 บาท
(7)​สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย 4,500,000 บาท
(8)​สมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย 86,800,000 บาท
(9)​สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย 7,500,000 บาท

(10.)​สมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 1,500,000 บาท

(11)​สมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย 3,750,000 บาท
(12)​สมาคมกีฬาบริดจ์แห่งประเทศไทย 4,500,000 บาท

(13)​สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 6,300,000 บาท

(14)​สมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย 7,500,000 บาท
(15)​สมาคมกีฬายิงเป้าบินแห่งประเทศไทย 2,250,000 บาท
(16)​สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย 3,750,000 บาท
(17)​สมาคมกีฬายูยิตสูแห่งประเทศไทย 1,500,000 บาท
(18)​สมาคมกีฬาเรือพายแห่งประเทศไทย 44,450,000 บาท
(19)​สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย 8,400,000 บาท
(20)​สมาคมกีฬาวินด์เซิร์ฟแห่งประเทศไทย 5,250,000 บาท
(21)​สมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย 1,500,000 บาท
(22)​สมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย 12,750,000 บาท


ขณะที่ทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ทำผลงานในกีฬาเอเชี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 คว้ามาได้ 27 เหรียญทอง 26 เหรียญเงิน 55 เหรียญทองแดง โดยตามหลักเกณฑ์ของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จะได้รับเงินรางวัล เหรียญทองละ 1 ล้านบาท, เหรียญเงินละ 500,000 บาท และเหรียญทองแดงละ 250,000 บาท สรุปเหรียญรางวัลของนักกีฬาคนพิการ ผู้ฝึกสอน และสมาคมกีฬา ได้รับเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 109,725,000 บาท แบ่งแยกตามแต่ละสมาคมกีฬา ดังนี้


(1)​สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ 86,400,000 บาท
(2)​สมาคมกีฬาคนพิการทางสมองแห่งประเทศไทย 10,875,000 บาท
(3)​สมาคมกีฬาคนพิการทางปัญญาแห่งประเทศไทย 3,000,000 บาท
(4)​สมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย 9,450,000 บาท

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์