จับตาผลงาน”ผบ.ต่อศักดิ์”1 ปี บนบัลลังก์”เก้าอี้พิทักษ์ 1”

1233

“1 ปี บนบัลลังก์”เก้าอี้พิทักษ์ 1”อยากเห็น”ผบ.ตร. ต่อศักดิ์”ต้องโชว์งานให้”ตำรวจ และชาวบ้าน”ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์
 


           นับแต่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล นายร้อยจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นั่งเจ้าสำนักปทุมวัน ถูก จับตาดูเป็นพิเศษว่าระยะเวลาไม่ถึง 365 วัน จะบริหารจัดการองค์กรให้ตำรวจและชาวบ้านได้มีความหวังเหนือ อดีต 3 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ที่มาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ(นรต.)หรือไม่?

           เพราะกว่าที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะผงาดเป็น ผบ.ตร.ถูกปรามาสมาอย่างหนักทั้งประสบการณ์ทำงานที่เลียนลัดมาโดยตลอด เกือบทุกตำแหน่งผู้บังคับบัญชาต่างจำใจยกเว้นกติกาให้ และก่อนที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ลงมติโหวตให้นั่ง ผบ.ตร.มีศึกเกาเหลากับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ถึงขั้นนายกรัฐมนตรีสั่งให้ไปเคลียร์ใจให้จบ

       เมื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เข้าบริหารเต็มตัว งานที่ถูกจับตาเป็นพิเศษคือจัดทัพนายพลสีกากี ก่อนเข้าโค้งสุดท้ายถูกวิจารณ์ว่าน่าจะซ้ำรอยเดิม 3 อดีตผบ.ตร.ที่มีบทบาทแค่เจว็ด

      แต่ปรากฏว่าผลแต่งตั้งโยกย้ายจัดได้ลงตัว กล้าที่จะจัดนายพลอาวุโสลงนั่งตำแหน่งหลัก ต่างกับบทบาท ผบ.ตร.ในอดีตราวฟ้ากับดิน เป็นที่ชื่นชมของนายกรัฐมนตรี ก.ตร.และชาวสีกากี

      ถ้าหากคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายที่กำลังทยอยออกมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังยึดในหลักการเดิมไม่ดีแตกเสียก่อน จะเป็นผลดีกับองค์กรตำรวจและชาวบ้าน เพราะตำรวจส่วนใหญ่ได้ตำแหน่งจากความรู้ความสามารถมากกว่าวิ่งเต้น ไร้ปัจจัยช่วย ย่อมทุ่มเทการทำงานอย่างเต็มที่

      ที่สำคัญ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อย่าลืมว่านั่งบนเก้าอี้ ผบ.ตร.อีกไม่ถึงปี หากการแต่งตั้งโยกย้ายล้มเหลว 10 นโยบายกับ 4 นโยบายเน้นหนัก เป็นได้แค่ฝัน เพราะเพียงแค่ 4 นโยบายเน้นหนักก็เป็นปัญหาที่สาหัสแล้ว

     จึงขอยกตัวอย่างแค่นโยบายที่ 4 ดูแลสวัสดิการและขวัญกำลังใจข้าราชการตำรวจ โดยมีแผนปฏิบัติการเร่งรัด หรือ Quick Win 5 ด้าน ทำสิ่งที่สามารถทำได้รวดเร็ว สร้างผลลัพธ์เป็นรูปธรรม ภายใต้แนวคิด Police’s Home ประกอบด้วย บุคลากร ระบบ สวัสดิการ ความสามัคคีและภาพลักษณ์ ใน 5 ด้าน ขอยกตัวอย่างแค่ 3 ด้าน คือ

         (1)​ บุคลากร :การบริหารงานบุคคล คืนตำรวจให้ประชาชน โดยให้ความสำคัญกับงานในสถานีตำรวจ เพื่อให้กำลังพลเพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ให้ทุกหน่วยตรวจสอบกำลังพลไปช่วยราชการทุกนายเดินทางกลับมาปฏิบัติราชการปกติ ณ ต้นสังกัด

         (2)​ ระบบ: ด้านการบริหารงาน คืนเวลาให้ตำรวจ ช่วยลดภาระงานสอบสวน เอกสารและแบบฟอร์มเอกสารที่ไม่จำเป็น ลดความยุ่งยากซับซ้อนภาระทางธุรการและการประชุมที่ไม่จำเป็น ให้รายงานเหตุผ่าน ศปก.บก.,ภ.จว.เพียงแห่งเดียว

       (3)​สวัสดิการ : เร่งแก้ปัญหาเรื่องที่พักอาศัยเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะตำรวจจบใหม่และตำรวจชั้นผู้น้อยในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ๆทั่วประเทศ แก้ปัญหาผู้หมดสิทธิพักอาศัยในอาคารบ้านพักอิสระ ยังไม่ย้ายออก เร่งรัดให้ย้ายออกแล้วรายงานความคืบหน้าทุกเดือน

      ทั้ง 3 ด้าน ล้วนเป็นปัญหาเรื้อรังฝังรากลึกในองค์กรตำรวจมานาน  หากใครได้สัมผัสงานบริการบนโรงพักโดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ จะรับรู้ได้ว่าล่าช้าเนื่องจากกำลังพลไม่เพียงพอ เพราะโรงพักหัวเมืองใหญ่ๆหรือโรงพักทำเลทองเกรดเอ  ตำรวจส่วนใหญ่ล้วนมีปลอกคอ ถ้าไม่ได้อยู่ในตำแหน่งหลักเจ้าของปลอกคอจะเรียกไปช่วยราชการที่สำนักงานหรือคอยติดตาม แล้วรอรับส่วนแบ่งส่วยรายเดือนจากโรงพัก และถ้าตำแหน่งหลักโดนเด้งพร้อมเสียบทันที

   หรือข้อที่ 2 ในอดีตตำรวจโรงพักหรือหน่วยหลัก จะมึนกับการประชุมที่ไม่จำเป็นตั้งแต่ ผบ.ตร.ยันผู้บังคับการ(ผบก.) เพราะเรียกประชุมเกือบทุกวันบางวัน 3 เวลา จนตำรวจโรงพักปรามาสว่านายทำงานเอาหน้าถนัดแต่งานธุรการ

  หรือข้อที่ 3 ตำรวจต่างทราบกันดีว่า ระดับ ผกก.ที่รับผิดชอบอาคาร จัดที่พักอาศัย ไม่กล้าไล่ผู้หมดสิทธิ์ เพราะล้วนตำแหน่งใหญ่ ยึดห้องไว้ให้บ้านเล็กหรือกิ๊กอาศัย บางนายถึงขั้นปล่อยเช่า  

   ทั้ง 3 ข้อถ้า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ แก้ปัญหาให้จบภายในเดือนพฤศจิกายน นโยบาย 10 ข้อกับ 4 ข้อมุ่งเน้นจะเห็นผลในระดับหนึ่ง ยิ่งถ้าจัดทำโผโยกย้ายยึดกฎกติกา หลักธรรมาภิบาลแบบเคร่งครัดด้วยแล้ว จะบรรลุเป้าหมายก่อนเกษียณแน่นอน

    แม้จะเกษียณอายุไปแล้วตำรวจและชาวบ้านจะจดจำว่ายุค พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ บริหารจัดการได้ดีตำรวจมีขวัญกำลังใจ  ชาวบ้านได้รับการบริการที่ดี

  เหมือนกับการจดจำว่าในยุค พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผลงานปราบปรามยาเสพติดโดดเด่น หรือยุคพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ตำรวจจดจำการย้ายคืนถิ่นแบบทดแทน สร้างโรงพยาบาลตำรวจใน 3 จังหวัดชายแดนใต้และโครงการจัดซื้อปืนสวัสดิการ ทั้งสองครองตำแหน่งเพียง 1 ปี เหมือนกัน

  ดังนั้นนับจากนี้ไป พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ต้องวางแนวทางบริหารจัดการให้ดี วางกรอบปฏิบัติให้ชัดเจน หยิบงานหลักๆขึ้นมาขับเคลื่อนควบคู่กับการจัดทัพสีกากีด้วยการยึดระบบคุณธรรม เมื่อทุกตำแหน่งลงตัว แม้เวลาจะเหลือไม่ถึง 360 วัน เชื่อว่าผลงานของ ผบ.ตร.จากรั้วมหาวิทยาลัยจะถูกกล่าวขานเหนือผลงานจาก ผบ.ตร.รั้วสามพรานแน่นอน

  แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะให้จดจำแบบไหนระหว่างให้ความสำคัญกับงานบริหารภาพรวมและคอยขันน็อตตลอดเวลา กับเดินสายรับงานอีเว้นต์ เพียงแค่สร้างภาพให้ดูดี หรือใช้เวลาส่วนใหญ่ที่เหลือเดินสายเก็บปัจจัยทำบุญสร้างพระเหมือน อดีต ผบ.ตร. จะเลือกแบบใหน  เลิกทางเดินได้ตามสะดวก !!!