วันที่ 29 กันยายน 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบช.กมค.) ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT กล่าวว่า เรื่องการสอบสวนได้ส่งให้พนักงานสอบสวนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ซึ่งทุกเรื่องควรจะอยู่ในสำนวนได้แล้ว เพราะตนได้ชี้แจงไปเยอะแล้ว ประกอบกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบการปฏิบัติการในวันตรวจค้นด้วยแล้ว ซึ่งจะรอผลการตรวจสอบ
เมื่อสอบถามถึงกรณีที่มินนี่ได้ออกมาแถลงเมื่อวานนี้ถึงชุด PCT4 เข้าตรวจค้นจับกุมตนเองและได้ยึดมือถือ ก่อนจะมีภาพคู่กับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ หลุดและอ้างว่าตำรวจ2นายในชุดจับกุมบังคับให้เซ็นว่า พ.ต.อ.ภาคภูมิมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ว่า พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ
เมื่อถามต่อว่า เจมีตัวตนจริงหรือไม่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ได้ขออนุญาตให้สัมภาษณ์เพียงเท่านี้ก่อน
ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยภายหลังจากที่ น.ส.ธนัยนันท์ “มินนี่” ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนวานนี้ ว่า ตนได้ดูบทสัมภาษณ์แล้ว ก็เป็นจริงตามที่ น.ส.ธนัยนันท์ พูดส่วนความสัมพันธ์ที่น้องเขาพูดก็เป็นเรื่องจริงส่วนจะมีผลต่อรูปคดีที่ทนายอนันตชัย ไชยเดช กำลังต่อสู้ให้หรือไม่นั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิ มองว่าคงไม่เป็นไร เพราะน้องเขาคงพูดความจริงทั้งหมด มันเป็นความจริง ก็คือความจริง
เมื่อถามว่าตอนน.ส.ธนัยนันท์ ถูกจับ แล้วถูกตำรวจ PCT4 บังคับให้เขียนยอมรับว่าพ.ต.อ.ภาคภูมิเกี่ยวข้อง ทราบหรือไม่ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ระบุว่า พอ น.ส.ธนัยนันท์ ถูกจับ ตนก็ยังไม่ได้คุยกับมินนี่อีกเลย และพอตนเองได้ฟังจากที่น.ส.ธนัยนันท์ ให้สัมภาษณ์ว่ามีตำรวจบังคับให้เขียนข้อความรับสารภาพนั้น ก็มองว่าความเสียหายจะเกิดขึ้น 2 ส่วน ส่วนแรกน้องเขาต้องเสียหายที่จะต้องถูกบังคับ ถูกอะไรก็ตามตามที่เขากล่าว และอีกส่วน คือ ภาพที่หลุดออกมาเขาก็เสียหายอีกครั้ง เพราะข้อเท็จจริงแล้ว การเก็บพยานหลักฐานทำโดยตำรวจ แล้วหลุดไปอยู่ในมือบุคคลภายนอกโดยเจตนาของเขาคืออะไร ทำไมไม่เอาไปใช้เป็นพยานในคดีเท่านั้น และการออกมาเปิดเผย มันจะคิดเป็นเจตนาอื่นได้ยังไง และอีกคนที่เสียหายคือตนเอง และครอบครัวตนเอง ซึ่งในทางคดีก็ว่าไป แต่การเอารูปออกมาก็ลองคิดดูว่าเจตนาของเขาคืออะไร คงไม่ได้สนใจเรื่องคดี แต่ตนเองมองว่าคงต้องการให้เกิดความเสียหาย
เมื่อถามต่อว่ามีการวางแผนหรือทำให้เสียหายหรือดิสเครดิตมานานแล้วหรือไม่ เพราะเกิดขึ้นตั้งแต่ที่น.ส.ธนัยนันท์ถูกจับกุมในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พ.ต.อ.ภาคภูมิ ระบุว่า ไม่ไปกล่าวหาอย่างนั้น หากมีพยานหลักฐานก็ว่าไปตามกระบวนการ ตนก็เป็นตำรวจก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ถ้ามีพยานหลักฐานก็ว่ามา แต่วิธีการคือสิ่งที่ตนเองติดใจ ไม่ว่าจะเป็นการออกหมายจับ และการออกหมายค้นต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้น และพอตนเองยิ่งมาฟังที่มินนี่ให้สัมภาษณ์อีกก็มองว่า มินนี่คงต้องไปให้การเป็นพยานเพิ่มเติมในเรื่องนี้อีก
ส่วนจะต้องนัดพูดคุยกับมินนี่เพื่อหารือทิศทางการต่อสู่คดีหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิ ระบุว่า ในการต่อสู้คดีของตนเองกับน.ส.ธนัยนันท์คงแยกกัน เพราะคดีของเขาว่าไปแล้ว คดีของตนเองพึ่งเริ่ม ซึ่งก็ต้องดูในอนาคตและตนเองก็คงต้องให้ทนายดำเนินการ