หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม'ศรีวราห์' ลงพื้นที่ เรียกประชุมด่วน ปรับทัพค้นหา 13ชีวิต 'หมู่ป่าอะคาเดมี่' บูราณาเต็มระบบ

‘ศรีวราห์’ ลงพื้นที่ เรียกประชุมด่วน ปรับทัพค้นหา 13ชีวิต ‘หมู่ป่าอะคาเดมี่’ บูราณาเต็มระบบ

ที่ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ เดินทางตรวจความพร้อมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ร่วมปฎิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือ 13 ชีวิตที่ติดภายในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำเฮลิคอปเตอร์กู้ชีพ 1 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงผู้ป่วย เตรียมพร้อมในพื้นที่เพื่อรอให้การช่วยเหลือ

จากนั้น รองผบ.ตร. พร้อมพล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 และคณะเดินทางไปที่ สภ.แม่สาย โดยมีทีมตำรวจสื่อสาร พร้อมรถโมบายดาวเทียมส่งสัญญาณ จากกองตำรวจสื่อสาร คณะแพทย์ พยาบาลจาก รพ.ตร. เตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือ

เวลาต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ สอบปากคำนางสาวประกายแสง พวงจำปา อายุ 32 ปี ชาวบ้านอ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวขอเรี่ยไรเงินบริจาค ช่วยเหลือเด็กและโค้ชที่ติดในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน โดยไม่ได้อนุญาตขอเรี่ยไรตามกฎหมาย ทั้งนี้พนักงานสอบสวนสภ.แม่สาย ทำการเปรียบเทียบปรับตามความผิดเรี่ยไรไม่ขออนุญาตจากเจ้าพนักงาน เป็นค่าปรับ 200 บาท

นางสาวประกายแสง กล่าวว่า ตนปรึกษากับเพื่อนที่จะเรี่ยรายเงินเพื่อซื้อหมูและข้าวเหนียวมาทำให้ผู้ที่มาช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิตได้รับประทานมีผู้โอนเงินเข้าบัญชี 5 รายรวมเงิน 1,300 บาทไปซื้อของจนหมดไม่พอด้วยซ้ำต้องออกเงินเอง เจตนาช่วยเหลือไม่ทราบว่ากลายเป็นประเด็นถูกโจมตี ถูกสังคมออนไลน์ต่อว่า ตนยอมรับผิดที่ขอเรี่ยไรโดยไม่ได้ขออนุญาต ขอให้ดูตนเป็นตัวอย่างอย่าทำโดยไม่รู้

รองผบ.ตร. กล่าวว่า กล่าวว่ากรณีนี้เป็นความผิดลหุโทษ แต่ลงโทษตามกฎหมายเพื่อป้องกันมิจฉาชีพ เรื่องนี้ละเอียดอ่อน การเรี่ยไรต้องทำให้ถูกต้องขออนุญาตฝ่ายปกครองตามกฎหมาย ไม่ควรทำเป็นเยี่ยงอย่างเดี๋ยวอาจมีมิจฉาชีพตามมา

จากนั้น รองผบ.ตร.ได้เรียกประชุมติดตามความคืบหน้า จัดระบบการช่วยเหลือให้เป็นระบบเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย โดยสั่งการให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) หรือตำรวจป่าไม้ ไปตรวจหาผู้ที่เคยรับสัมปทานทำป่าไม้ในพื้นที่ ถ้ำหลวง เคยเป็นแปลงสัมปทานป่าไม้ เมื่อปี 2529-30 ซึ่งรู้พื้นที่ เชี่ยวชาญพื้นที่เพื่อหาข่าวว่าพื้นที่ดังกล่าวมีช่องทาง โพรงลับ หรือไม่อย่างไร นอกจากนี้สั่งการ สภ.แม่สาย ให้ดำเนินการรับแจ้งความคนหาย หลังจากพบว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องทั้ง 13 ชีวิตสูญหาย ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.ยังไม่มีการรับแจ้งความ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดสิทธิตามกฎหมาย โดยรองผบ.ตร.ได้ตำหนิ สภ.แม่สายและตำรวจท่องเที่ยว ที่ไม่แนะนำให้ญาติของทั้ง 13 ราย ดำเนินการลงบันทึกประจำวัน ให้สิทธิตามกฎหมาย

ขณะที่แพทย์ รพ.ตำรวจ ได้ลงพื้นที่สอบถามจากญาติของผู้สูญหายทั้ง 13 รายพบว่าเด็กสองคนที่ติดอยู่ภายในถ้ำมีความเสี่ยงเนื่องจากมีโรคประจำตัวหอบหืด ทางแพทย์จึงเตรียมความพร้อมเพื่อให้การช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษแล้ว และวางแผนขนย้ายประสานรพ.ในพื้นที่

ขณะที่ในที่ประชุมรายงานว่า เตรียมส่งโดรนขึ้นสำรวจเพื่อจับคลื่นความร้อน หาสัญญาณสิ่งมีชีวิต ขณะนี้ยังรอ

ขณะเดียวกัน รอง ผบ.ตร.เตรียมพบผู้ว่าฯราชการจังหวัดเชียงรายเพื่อเสนอแผนการปฏิบัติและรับรองแผนให้เป็นไปตามกฏหมายตามพระราชบัญญัติบรรเทาสาธารณภัย เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างระบบและถูกต้องตามหลักกฎหมาย

พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล


 

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img