ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีการไปเยือนประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส ว่า เวลาที่ตนเดินทางไปต่างประเทศ มีความมั่นใจว่าทุกคนฟังและเข้าใจสิ่งที่พูดทั้งหมด แต่ไม่ใช่เพราะตัวเองเก่ง แต่มีล่ามส่วนตัวที่เก่ง มีความรู้และเชี่ยวชาญ เวลาที่ตนพูดเขาสามารถแปลได้ทุกคำ แต่ถ้าหากจะให้พูดแบบธรรมดาปกติโดยใช้ภาษาต่างประเทศตนก็พอคุยได้อยู่บ้าง
“ผมก็พอจะฉลาดบ้างนิดหน่อย จึงอยากขอร้องว่าอย่าดูถูกกันเองนักเลย เพราะเวลาที่ผู้นำต่างประเทศพูดคุยกับผม ไม่ใช่เพราะผม แต่เขาพูดเพราะนี่คือประเทศไทย เขาถึงพูดด้วยเพราะนี่คือประเทศไทย คืออาเซียน คือแอคเม็กซ์ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทั้งหมด แล้วจะทำให้เกิดความขัดแย้งอีกทำไม จะให้เขาอ้อมไปประเทศอื่นหรือ จึงขอร้องสื่อว่าให้เสนอข่าวที่เป็นเรื่องดีๆ และมีความก้าวหน้าบ้าง ผมพยายามพูดในสิ่งที่ดีๆ แต่สื่อก็ไปหยิบเอาประเด็นว่าผมพูดผิดตรงไหน อะไรเป็นประเด็นที่จะเขียนและขายข่าวได้มานำเสนอ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนสมเด็จพระสังฆราชทรงประทานพรลงมาว่าทุกคนต้องมีสติเพราะเมื่อมีสติก็จะเกิดปัญญา ถ้าไม่มีสติก็ไม่เกิดปัญญา สติปัญญาก็ไม่ได้ใช้ ก็เอาไปใช้เพื่อสร้างความขัดแย้งกันต่อไป นี่คือคำจากพระจากสมเด็จพระสังฆราช ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ได้เร่งสร้างความเข้าใจมากขึ้น ทั้งเรื่องของโครงการไทยนิยม และการทำงานต่างๆ มันไม่ใช่เป็นการเมือง มันจะเป็นการเมืองได้อย่างไร ตนไม่เข้าใจ สิ่งที่ทำก็เป็นลักษณะเดียวกับที่ให้ ส.ส.ไปดูแลในทุกหมู่บ้านทุกพื้นที่ โครงการไทยนิยมก็เป็นการส่งคณะทำงานลงไปในพื้นที่เพื่อให้คิดโครงการตามที่ประชาชนต้องการลักษณะก็คล้ายกับการทำหน้าที่ของ ส.ส. ครั้งนี้เราทำทั้งหมด 60,000 กว่าหมู่บ้าน ที่ผ่านมาเคยได้แบบนี้หรือไม่ ควรต้องสานงานกันต่อ การทำงานของรัฐบาลหน้าก็ต้องเป็นแบบนี้ ขอร้องสื่อให้เสนอข่าวทั้งสองด้าน ทั้งดีและร้าย อะไรที่เป็นเรื่องร้ายก็ขอร้องอย่าไปขยายให้มีความร้ายมากขึ้น เปิดคลิปวิดีโอดูจนโมโหจนเลิกโมโหแล้ว เพราะมีคนส่วนหนึ่งที่มันแย่ ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ทำให้ตนเสียสมาธิเพราะตนมีสติ จึงก่อให้เกิดปัญญาที่จะคิดเรื่องใหม่ๆ ได้ทุกวัน รัฐบาลจะทำงานแบบเอาใจใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ เราต้องดูแลคนทั้งประเทศ รัฐบาลต่อไปก็ต้องทำแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล จำเป็นต้องดูแลคนทั้งประเทศทุกหมู่บ้านให้ได้