วันนี้(15 ส.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กําลังแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องการโกงผู้ถือหุ้นของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยนั้น ได้มีการปะทะคารมกับผู้สื่อข่าวรายหนึ่งหลังนายชูวิทย์มีการโชว์แก้วนํ้าสีเหลืองที่เขียนว่า “มิ้นต์ฉี่” และนําไปป้อนให้ที่รูปของนายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมกล่าวว่า “เอาไปฝากด้วยนะ และบอกด้วยว่าถ้าแน่จริงให้มาเอง อย่าส่งลูกกระจ๊อกมา” ซึ่งคําพูดดังกล่าวที่กล่าวหาว่าเป็นลูกกระจ๊อกนั้น ทําให้ผู้สื่อข่ายรายดังกล่าวเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะมีการโต้เถียงกันอย่างดุเดือด
โดยนายชูวิทย์ ระบุว่า ชายรายดังกล่าวไม่ใช่นักข่าว เพราะถ้าเป็นนักข่าวจริงคุณก็ต้องเขียนข่าวในข้อมูลที่ได้รับมาจากที่นี่ ไม่ใช่ไปเขียนขึ้นมาเอง ซึ่งด้านผู้สื่อข่าวรายดังกล่าวก็ตอบกลับทันทีโดยยืนยันว่าตนเขียนข้อมูลที่ได้จากนายชูวิทย์ ส่วนที่นายชูวิทย์เห็นนั้นอาจเป็นคนอื่นเพราะมีหลายส่วนตรไม่ได้เขียนคนเดียว และอันไหนที่เขียนไม่ตรงก็สามารถไปฟ้องได้ แต่จะมาบอกว่าตนเป็น”ลูกกระจ๊อก”และไม่ใช่นักข่าวแบบนี้ไม่ได้
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ได้มีการพูดถึงจรรยาบรรณว่าอย่าเขียนโจมตีตนและอย่าเอาเรื่องไม่จริงมาพูด ก่อนจะบอกไปยังผู้สื่อข่าวรายดังกล่าวว่า “หากอยากฟังก็ฟัง ไม่ฟังก็ออกไป” ก่อนที่จะมีการเชิญให้ออกไป พร้อมกับจะฝากแก้วมิ้นต์ฉี่ไปให้นายสนธิอีกด้วย
ขณะที่ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว ได้กล่าวยืนยันว่า ตนเองไม่พอใจที่นายชูวิทย์ บอกว่า เป็นลูกกระจ๊อก เพราะตนเองเป็นพนักงานและมาทำข่าวตามหน้าที่ ส่วนที่นายชูวิทย์จะมีปัญหากับนายสนธิ หรือ สื่อผู้จัดการ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งไม่เกี่ยวกับตนเอง ส่วนที่บอกว่าข้อมูลตรงไหนที่นำไปเขียนไม่ถูกต้องนั้น ก็สามารถฟ้องร้องได้ ไม่เกี่ยวกับตนเอง เพราะเป็นเรื่องของระบบ แต่อย่าคิดว่าตนเองเสียงดังแล้วพูดอะไรก็ได้ ยืนยันว่าตนเองเป็นผู้สื่อข่าวพร้อมกับโชว์บัตรนักข่าวให้ดู และบอกว่าตนเองทำงานเป็นนักข่าวปีนี้ปีที่ 20 แล้ว ส่วนการแถลงข่าวของนายชูวิทย์ ครั้งต่อไปหากไม่ให้ตนเองเข้าไปฟังหรือทำข่าวก็จะไม่เข้าไป ซึ่งตนเองมาตามหมายที่ได้รับมอบหมายและทางนายชูวิทย์ก็มีการแจ้งหมายแถลงข่าวกับสื่อมวลชนอยู่แล้ว และตนเองก็มาทำข่าวตามปกติไม่ได้มานั่งตีรวนหรือก่อความวุ่นวายอะไร และฟังข้อมูลที่นายชูวิทย์แถลงและนำเสนอข้อมูลตามที่แถลง หากนายชูวิทย์ เห็นว่าผู้จัดการ นำเสนออย่างอื่นที่เห็นว่าไม่ถูกต้องถ้ามีหลักฐานก็ดำเนินคดีไปตามกระบวนการยุติธรรมได้ แต่ตนเองเป็นเพียงพนักงาน นายชูวิทย์ จะไม่ชอบหรือมีปัญหาไม่ถูกใจนายสนธิ ก็เป็นอีกเรื่องไม่เกี่ยวกับตนเอง อย่ามาว่าบูลลี่ว่าตนเองเป็นลูกกระจ๊อก เพราะตนเองเป็นคน พร้อมระบุเรื่องที่เกิดวันนี้ไม่จำเป็นต้องไปร้องสมาคมนักข่าวฯเพราะสังคมดูการกระทำของแต่ละคนเอาได้มันเรื่องเล็ก
สำหรับสิทธิของตนเองที่เป็นลูกผู้ชายและเป็นนักข่าวมา 20 ปี ไม่เคยเจอแหล่งข่าวที่มาบูลลี่ตนเองแบบนี้ ยอมรับว่าส่วนตัวเป็นคนเสียงดังแค่นั้นและยังเคยเป็นรองนายกสมาคมนักข่าวอาชญากรรม พร้อมทิ้งท้ายไม่จำเป็นต้องฝากอะไรถึงนายชูวิทย์ เพราะนายชูวิทย์อายุมากกว่าตนเอง น่าจะมีวุฒิภาวะมากกว่า แต่ฝากไปถึงเพื่อนสื่อมวลชนว่าเรื่องบางเรื่องควรต้องใช้วิจารณาเยอะๆ ต้องมีการหาข้อมูลด้วย มานั่งฟังแถลงได้แต่ต้องมีข้อมูลหลายๆด้าน การเป็นนักข่าวต้องนำเสนอข้อมูลครบทุกด้าน
จากนั้นทีมงานของนายชูวิทย์ ได้มาไล่ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวที่กำลังยืนคุยกับเพื่อนนักข่าวด้านนอกให้ออกจากพื้นที่
ดูคลิปขณะตอบโต้