นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอให้”ปลด”หรือ “พักงาน” อธิบดีกรมกรมอุทยานฯกรณีอื้อฉาวการปลูกกล้าไม้ โดยระบุว่า ตามที่นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ทำหนังสือถึง น.ส.สุทธิลักษณ์ ระวีวรรณ รักษาการอธิบดีกรมป่าไม้ ให้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียน กรณีนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต กรณีโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณบุคลากรกว่า 108 ล้านบาท ไปเพาะชำ 55 ล้านกล้าไม้ เมื่อครั้งนายธัญญา ดำรงตำแหน่งผอ.สำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้ เมื่อปี 2553 และอาจมีการเรียกเงินทอนด้วยนั้น
กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงและรับไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่เก็บซ่อนไว้ใต้พรมมานาน กับการใช้โครงการปลูกป่าบังหน้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์กันมาอย่างเนิ่นนาน เพราะโครงการปลูกป่าของกรมป่าไม้-กรมอุทยานฯ มีการตั้งงบประมาณดำเนินการกันแทบทุกปีหากมีการดำเนินการกันอย่างจริงจังไม่มีการคอรัปชั่น ป่านนี้ประเทศไทยคงมีป่าไม้ล้นประเทศมากกว่า 80% ไปแล้ว แต่ข้อเท็จจริงกลับพบว่าพื้นที่ปลูกป่ายังคงเป็นพื้นที่ว่างเปล่าอยู่มาก และไม่เคยมีการรายงานต่อสาธารณชนว่า การปลูกป่าทุกปีงบประมาณนั้น มีการสัมฤทธิ์ผลตรงตามเป้าประสงค์หรือไม่ เพราะหลายพื้นที่มีการปลูกป่าซ้ำซ้อนในพื้นที่เดียวกันอยู่เสมอ ๆ และปล่อยให้ไฟไหม้ในพื้นที่ปลูกป่าอยู่ทุกปี เช่น อุทยานแห่งชาติตาดโตน จ.ชัยภูมิ แต่กลับไม่มีการสอบสวนหรือตรวจสอบกันอย่างจริงจังแต่อย่างใด
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จึงใคร่เรียกร้องไปยัง รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รีบ “เก็บกวาดบ้าน” ของตนเองเป็นการด่วน โดยขั้นนี้ต้องรีบออกคำสั่ง “ปลด” หรือ “พักงาน” อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯเสียก่อนเป็นเบื้องแรก เพื่อเปิดทางสะดวกให้มีการตรวจสอบเรื่องเอื้อฉาวดังกล่าว อันเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2561 ที่ระบุว่า กรณีมีเรื่องร้องเรียนทุจริต ให้กระทรวงดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จภายใน 7 วัน จากนั้นพิจารณาดำเนินการทางวินัยหรือทางอาญาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องแล้วเสร็จภายใน 30 วัน กรณีตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีเหตุน่าเชื่อถือ และเป็นกรณีที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการหรือทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน แม้ผลการตรวจสอบยังไม่อาจสรุปความผิดได้ชัดเจนถึงขั้นชี้มูลความผิด ให้พิจารณาปรับย้ายข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องไปดำรงตำแหน่งอื่นเป็นการชั่วคราว เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ หรือเสนอให้มีการย้ายหรือโอนไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในอัตราชั่วคราวเป็นกรณีในสำนักนายกรัฐมนตรี
นอกจากนั้นจะต้องตั้งกรรมการจากคนนอกเข้าไปสอบสำนักแผนงานฯ สำนักจัดการป่าชุมชน สำนักสนองงานพระราชดำริ สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ ซึ่งนายธัญญาอ้างว่าทุกหน่วยงานดำเนินการเหมือนกันหมดนั้น ว่ามีกรณีอื้อฉาวลักษณะเดียวกันหรือไม่ด้วย
ทั้งนี้หาก รมว.กระทรวงทรัพยากรฯยังเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องนี้ สมาคมฯจักนำความไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้สอบ รมว. ว่าเข้าข่ายการเอื้อประโยชน์ให้อธิบดีกรมอุทยานฯหรือไม่ด้วย