หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม"ผู้บัญชาการเป้"นำทีมแถลงผลงานเชิงรุก รวบแก๊งต่างชาติทำผิดกฎหมาย 5คดีรวด ตามนโยบาย ตร.

“ผู้บัญชาการเป้”นำทีมแถลงผลงานเชิงรุก รวบแก๊งต่างชาติทำผิดกฎหมาย 5คดีรวด ตามนโยบาย ตร.

ผบช.สตม.นำทีมแถลงผลงานเชิงรุก รวบแก๊งต่างชาติผิดกฎหมายในไทย 5คดีรวด พร้อมย้ำสตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทํา ความผิดในด้านต่างๆทั้งคนไทยและต่างชาติ ตามนโยบาย ตร.

เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2566 ที่ บช.สตม.พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. แถลงว่า ตามนโยบายของ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. จึงสั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิด กฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดําเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่ พํานักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทําผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สินของประชาชน ทําให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัว อยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทําความผิด

ภายใต้การอํานวยการของพล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ. อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร ผกก.ตม.จว.ชลบุรี, พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส. สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสําคัญ ดังนี้

คดีที่ 1 รวบผู้ร้ายข้ามแดนมีหมายแดง หนีหมายจับคดีค้ายาเสพติด ก่อนบินหนีซุกเวียดนาม

สถานเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิส ประจําประเทศไทย มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ ขอให้ ทางการไทยจับกุมตัวชั่วคราวนายโจนาธาน (นามสมมติ) อายุ 31 ปี สัญชาติสวิส เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อไปดําเนินคดี ในความผิดฐานค้ายาเสพติดอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทของ สมาพันธรัฐสวิส โดยมีพฤติการณ์กระทําผิด กล่าวคือ ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2559 นายโจนาธาน ได้ลักลอบนํายาบ้า กว่า 2,000 เม็ด ที่ได้ติดต่อซื้อขายจากชาวแอฟริกาผิวสี ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และนําไปขายให้กับลูกค้าหลาย รายในเมืองซูริค โดยสมาพันธรัฐสวิส ได้ออกหมายจับที่ B-18-2612 ลงวันที่ 28 ก.ย.61 ให้จับ นายโจนาธาน ในความผิดฐานค้ายาเสพติดอย่างร้ายแรง และองค์การตํารวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INTERPOL Red Notice)

ต่อมาพนักงานอัยการ สํานักงานต่างประเทศ สํานักงานอัยการสูงสุด ได้ยื่นคําร้องต่อศาลอาญาขอออกหมายจับ ชั่วคราวนายโจนาธาน และได้ส่งหมายจับมายังสํานักงานตํารวจแห่งชาติเพื่อให้สืบสวนจับกุม บก.สส.สตม. ได้รับสั่งการให้สืบสวนติดตามจับกุมนายโจนาธาน กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้เข้าไปตรวจสอบ ข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สตม. พบว่า นายโจนาธาน ถือหนังสือเดินทางสาธารณรัฐบราซิล เดินทางเข้า มาในประเทศไทย ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประเภท ผ.ผ.90 และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่ สิ้นสุด จึงขออนุมัติ ผบก.สส.สตม. เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของ นายโจนาธาน เนื่องจากเป็น บุคคลท่ีเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ พฤติการณ์เข้าลักษณะเป็นคนต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ตามมาตรา 12 (7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522

จากนั้นจึงได้สืบสวนติดตามหาตัวนายโจนาธาจนทราบว่านายโจนาธาน จะเดินทางจากท่าอากาศยานกรุงเทพไปยังประเทศเวียดนาม จึงได้ประสานงานกับ เจ้าหน้าที่ตํารวจด่าน ตม.ทอ.กรุงเทพ บก.ตม.2 ร่วมกันกระจายกําลังสืบสวนหาตัวนายโจนาธาน บริเวณโถง ผู้โดยสารขาออก ท่าอากาศยานกรุงเทพ จนกระทั่งพบตัวนายโจนาธาน ขณะเข้าแถวรอการเช็คอิน จึงขอตรวจสอบ หนังสือเดินทาง นายโจนาธาน ได้นําหนังสือเดินทางสาธารณรัฐบราซิล และหนังสือเดินทางสมาพันธรัฐสวิส แสดงแก่ เจ้าหน้าท่ีตํารวจชุดจับกุม เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมจึงแสดงหมายจับของศาลอาญาและแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมแจ้ง หนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้นายโจนาธานรับทราบ และทําบันทึกการจับกุมนําตัว ส่งพนักงานอัยการ สํานักงานต่างประเทศ สํานักงานอัยการสูงสุด เพ่ือดําเนินการตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 2.บก.สส.สตม. รวบผู้ต้องหาชาวไวกิ้งหนีหมายจับกบดานไทย

สตม. ได้รับประสานจาก สํานักงานประสานงานฝ่ายกิจการตํารวจกลุ่มประเทศนอร์ดิค ขอให้ช่วยสืบสวน ติดตามจับกุมตัวนายสเตฟาน (นามสมมติ) อายุ 45 ปี สัญชาติสวีเดน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลประเทศสวีเดนและ หมายจับสหภาพยุโรปในข้อหากระทําความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ และเป็นบุคคลตามประกาศตํารวจสากลสีแดง (Red Notice) ซึ่งได้หลบหนีคดีจากประเทศสวีเดนและเดินทางเข้ามาพํานักอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้ ทางการสวีเดน ได้เพิกถอนหนังสือเดินทางของนายสเตฟานแล้ว

โดยมีพฤติการณ์กระทําผิด กล่าวคือ ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. 60 ถึงวันท่ี 5 ต.ค.64 นายสเตฟาน ได้ร่วมกับพวกกระทําการละเมิดสิทธิสัญญาของบริษัทผู้เสียหายจํานวน 3 บริษัท โดยบันทึก รายการโทรทัศน์ของบริษัทผู้เสียหายที่ได้ออกอากาศไปแล้ว ไปออกอากาศเผยแพร่ต่อสาธารณชนในช่องทางอื่น ๆ ยู ทูบ เฟซบุ๊ก ซ้ําอีกโดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัทผู้เสียหาย อันเป็นการละเมิดสิทธิของผู้เสียหายในการออกอากาศ ทางโทรทัศน์ สร้างความเสียหายให้กับบริษัทผู้เสียหายจํานวนมาก สตม. จึงได้สั่งการให้ บก.สส.สตม. นําข้อมูลของนายสเตฟานไปตรวจสอบในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สตม. พบว่านายสเตฟานได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และการอนุญาตยังไม่สิ้นสุด ผบก.สส.สตม.

จึงเพิกถอนการ อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายสเตฟาน เน่ืองจากทางการสวีเดนได้เพิกถอนหนังสือเดินทางและเป็นบุคคลท่ี เจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ พฤติการณ์เข้าลักษณะเป็นคนต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ตาม มาตรา 12 (1) และ (7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 และสั่งการให้ กก.1 บก.สส.สตม. สืบสวนติดตามหาตวั นายสเตฟาน จากการสืบสวนของ กก.1 บก.สส.สตม. ทราบว่า นายสเตฟาน พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงไปตรวจสอบและพบนายสเตฟาน จึงได้แจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ใน ราชอาณาจักรให้นายสเตฟาน ได้รับทราบและนําตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดําเนินการตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 3 บก.สส.สตม. รวบแก๊งหนุ่มแดนโสมแย่งอาชีพคนไทย บก.สส.สตม. จับชาวเกาหลี 5 ราย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี เพื่อดําเนินคดี ดังนี้

  1. นายคิม (นามสมมติ) อายุ 40 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 66 ได้รับการยกเว้นการ ตรวจลงตราประเภท คนอยู่ชั่วคราว (NON-90) ครบกําหนดอนุญาตวันที่ 23 พ.ค. 66 และได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อใน ราชอาณาจักรถึงวันท่ี 23 พ.ค. 67
  2. นายเบค (นามสมมติ) อายุ 28 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 66 ได้รับการยกเว้น การตรวจลงตราประเภท ผ.ผ.90 ครบกําหนดอนุญาตวันท่ี 30 ก.ค. 66
  3. นายชอย (นามสมมติ) อายุ 32 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 66 ได้รับการยกเว้น การตรวจลงตราประเภท ผ.ผ.90 ครบกําหนดอนุญาตวันที่ 21 ส.ค. 66
  4. นายจุง (นามสมมติ) อายุ 25 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 66 ได้รับการยกเว้น การตรวจลงตราประเภท ผ.ผ.90 ครบกําหนดอนุญาตวันที่ 9 ส.ค. 66
  5. นายชอน (นามสมมติ) อายุ 39 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 66 ได้รับการยกเว้นการ ตรวจลงตราประเภท คนอยู่ชั่วคราว (NON-90) ครบกําหนดอนุญาตวันที่ 29 ก.ค. 66

โดยกล่าวหาผู้ถูกจับที่ 1 ว่า รับคนต่างด้าวซึ่งไม่มีใบอนุญาตทํางานเข้าทํางาน และกล่าวหาผู้ถูกจับที่ 2-5 ว่า เป็นคนต่างด้าวโดยไม่มีใบอนุญาตทํางาน
พฤติการณ์กล่าวคือ บก.สส.สตม. ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน จว.ชลบุรี ว่ามีคนเกาหลีเข้ามาทํางานในบริษัท ทัวร์ บริเวณพูลวิลล่าแห่งหนึ่ง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี ทําหน้าที่เป็นเสมียนรับจองทัวร์ให้กับชาวเกาหลี และ จัดแพคเกจท่องเที่ยวแบบครบวงจรในประเทศไทย โดยจัดที่พักอาศัยและใช้บริการสถานประกอบการในเครือของชาว เกาหลีด้วยกัน ทําให้กระทบกับระบบธุรกิจการท่องเที่ยวของ จว.ชลบุรี

จากการสืบสวนพบว่ามีชาวเกาหลีทํางานอยู่ในบริษัทดังกล่าวตามที่ถูกร้องเรียนจริง จึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อ ศาลจังหวัดพัทยาเพื่อเข้าทําการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบชาวเกาหลีจํานวน 5 ราย ทํางานโดยผิดกฎหมายซึ่งมี นายคิม ทําหน้าที่ หัวหน้าควบคุมดูแลและจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน จํานวน 4 ราย คือ นายเบค, นายชอย, นายจุง และนาย ชอน ซึ่งทั้ง 4 รายดังกล่าว ทําหน้าที่ ดูแลระบบ (Admin) ในเว็บไซต์การท่องเที่ยวของเกาหลีเพื่อชักชวนให้คนเกาหลีซื้อ แพคเกจท่องเที่ยวแบบครบวงจรในลักษณะ ‘จ่ายเงินวอนครั้งเดียวจบ’ แล้วสามารถมาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้โดยไม่ ต้องเสียค่าใช้จ่ายอีก แพคเกจนั้นรวมถึง รถรับ-ส่งสนามบิน, ที่พัก, ร้านอาหาร, ร้านนวด ซึ่งเป็นสถานประกอบการในเครือ ของชาวเกาหลีด้วยกัน สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศไทย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา และนําตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดําเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 4 จับชาวต่างชาติที่เข้ามากระทําความผิดในประเทศไทยในรูปแบบพนันออนไลน์และปลอมตราประทับเข้า- ออก ผู้ต้องหา17รายพร้อมยึดของกลาง

เจ้าหน้าที่ สืบสวน กก 2 บก.สส สตม. ได้นําหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการ เข้าทําการตรวจค้นที่ย่าน ต.บางโฉลง อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ โดยจากการตรวจค้นพบกลุ่มพนักงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนามมีทั้งชายและหญิง ซึ่งกําลัง ทําหน้าที่เป็นแอดมินของเว็บพนันออนไลน์ ที่มีนายทุนเป็นชาวจีนอยู่เบื้องหลัง พร้อมกับยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์ จํานวน 12 เครื่อง นอกจากนั้นยังขยายผลจับกุมกลุ่มคนต่างด้าวในบ้านพักที่อยู่ติดกันอีกสองหลัง ซึ่งจากการตรวจค้นพบ ต่างด้าวทั้งชายหญิงสัญชาติเวียดนาม และพบของกลาง เป็นอุปกรณ์การทําหนังสือเดินทางปลอม และตรายางขาเข้า/ออก ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ และประเทศพม่าและกัมพูชา รวมไปถึงพบบุหรี่ต่างประเทศหนีภาษีจํานวนหนึ่ง จึงควบคุมผู้ต้องหา ทั้งหมดซึ่งเป็นชาวเวียดนาม พร้อมกับของกลาง ทั้งคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์การผลิตหนังสือเดินทางและตรายางปลอม พร้อมของกลางอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มาสอบสวนและบันทึกจับกุมที่ สภ.บางพลี ก่อนจะแจ้งข้อหาต่อผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง คือ บุคคลต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม 12 คน ข้อหา “ชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนัน (พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 ม.12)”บุคคลต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม เวียดนาม 4 คน ข้อหา ร่วมกันมีไว้ ซึ่งดวงตราหรือรอยตราประทับของ เจ้าพนักงาน (ตราขาเข้า),ออกตม.ทอ.สุวรรณภูมิ)และ ร่วมกันมีไว้ ซึ่งหนังสือเดินทางของผู้อื่นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม เวียดนาม 1 คน ข้อหา มีบุหรี่ต่างประเทศไว้ในความครอบครองโดยไม่ผ่าน ขั้นตอนการศุลกากร

โดยการบุกเข้าจับกุมในนี้ทราบว่ามีกลุ่มบุคคลต่างด้าวลักลอบเช่าบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้เปิดเป็นฐานการตั้งเว็บ พนันออนไลน์และการปลอมแปลงเอกสารหนังสือเดินทาง ซึ่งมีเงินหมุนเวียนหลายสิบล้านบาท ฝ่ายสืบสวนจึงเฝ้า สังเกตการณ์จนกระทั่งมีเบาะแสแน่ชัดจึงขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ และวางแผนนํากําลังไปปิดล้อม ตรวจค้นจนพบผู้ต้องหาและของกลางจํานวนมาก

จากการสอบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ทราบว่า สําหรับกลุ่มผู้ต้องหาชาวเวียดนามกลุ่มนี้ จะมีหน้าที่คอย เป็นผู้ดูแลเว็ปพนันออนไลน์ ซึ่งมีนายทุนเป็นคนจีนคอยสั่งการผ่านทางเฟซบุ๊ก อวตาร จากนั้นนายทุนจะปิดแอคเคาท์ทันทีหลังจากที่สั่งการแล้วเสร็จ จากการสืบสวนขยายผลทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหา กลุ่มนี้เพิ่งใช้บ้านพักแห่งนี้เป็นฐานในการดําเนินการทางธุรกิจ ซึ่งย้ายมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และมาเปิดได้เพียง เดือนเศษ ก่อนจะถูกจับกุม ส่วนหนังสือเดินทางก็เป็นการขยายผลจับกุมต่างด้าวที่ใช้หนังสือเดินทางมีตราประทับปลอม จนมีการขยายผลทราบว่าสถานที่แห่งนี้มีการลักลอบทําหนังสือเดินทางปลอมโดยใช้ตราประทับผ่อนผันขออยู่ต่อใน ราชณาจักร หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้ไปขยายผลต่อผู้ร่วมขบวนการทุกราย ส่วนผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดนําส่ง พนักงานสอบสวนสภ.บางพลี ดําเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

คดีที่ 5. ตม.จว.ชลบุรี สนธิกําลังร่วมกับ สืบสวน ตม.3 จับกุม “หนุ่มจีนลักลอบอยู่ไทยนานกว่า 5 ปี”

ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.3, สภ.เมืองพัทยา และตํารวจท่องเที่ยว ร่วมกันจับกุม นายจาง (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติจีน ในความผิดฐาน อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ได้ที่บริเวณริมถนน ซอยนาเกลือ 18 หมู่ 5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี ส่งพนักงานสอบสวนดําเนินคดีตามกฎหมาย

พฤติการณ์กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมกันสืบสวนหาข่าวชาวต่างชาติที่มีพฤติการณ์ว่าจะกระทํา ความผิดต่อกฎหมายในขณะที่พํานักอาศัยอยู่ในประเทศไทย จนสืบทราบว่า นายจาง ชอบทําตัวตีสนิทกับกลุ่ม นักท่องเที่ยวชาวจีนและกลุ่มนักธุรกิจชาวจีนตามแหล่งที่กลุ่มชาวจีนพบปะกัน โดยเข้าไปพูดคุยเชิญชวนให้ลงทุนทํา ธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศไทย จึงนําข้อมูลนายจางไปตรวจสอบในระบบสารสนเทศ สตม. พบว่า นายจางเดินทางเข้า มาประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2558 ได้รับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว 60 วัน (TR-60) และได้ขออยู่ต่อ ในราชอาณาจักรต่อเนื่องเรื่อยมา

ครั้งสุดท้ายได้รับอนุญาตถึงวันที่ 29 ก.ค. 2560 ปัจจุบันการอนุญาตสิ้นสุดลงแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ติดตามตัวจนพบ นายจาง บริเวณริมถนน ซอยนาเกลือ 18 หมู่ 5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) จํานวน 2,160 วัน ส่งพนักงานสอบสวนดําเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบถามนายจางรับสารภาพว่า สาเหตุที่อยู่ในราชอาณาจักรจนการอนุญาตสิ้นสุดเนื่องจากตนมีคดี ลักทรัพย์ที่ประเทศจีน เกรงว่าหากกลับไปจะได้รับการลงโทษตามกฎหมาย จึงหลบหนีอยู่ในประเทศไทยเรื่อยมา จนถูกจับกุมดําเนินคดีในข้อกล่าวหาดังกล่าว

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทํา ความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้าออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทําความผิด กรุณาแจ้งมายัง สํานักงานตรวจคนเข้า เมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ตําบลบ้านใหม่ อําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ สื่อออนไลน์ ที่ยึดถือจรรยาบรรณครบถ้วน

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img