นายบุญเลิศ คชายุทธเดช อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)2540 โพสต์ข้อความในเพจ เฟซบุ๊คส่วนตัว ว่าด้วยเรื่อง”แผน2 ก้าวไกล”พิธา”ได้นายกฯ” ดังนี้
แผน 2 ก้าวไกล”พิธา”ได้นายกฯ
1. วันที่ 28 มิถุนายน การหารือระหว่างแกนนำก้าวไกลกับเพื่อไทยน่าจะได้ข้อสรุปสำหรับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่าคนของพรรคไหนจะได้นั่งและรองประธานสภาฯ 2 คนจะเป็นของพรรคใด
2. วันที่ 4 กรกฎาคม ประชุมสภาผู้แทนฯ ลงคะแนนลับ ได้ตัวประธานสภาฯและรองประธานสภาฯ จากนั้น นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อพระมหากษัตริย์โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ประธานสภาฯจะดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา
3. ประธานรัฐสภานัดวันประชุมรัฐสภาเพื่อให้ส.ส. 500 คนและ ส.ว. 250 คนโหวตเลือกนายกฯจากรายชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรค ซึ่งก้าวไกลจะเสนอพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ
มีปัญหาว่า พรรคขั้วรัฐบาลเดิมจะเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พรรคพลังประชารัฐหรืออนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทยเข้าแข่งหรือไม่
4. ถ้าเสนอชื่อแข่งกับพิธาก็ต้องดูว่า
4.1 ส.ว.มีใครบ้างที่โหวตให้พิธา มีจำนวนเท่าไร ทำให้พิธาได้ถึง 376 หรือไม่ ถ้าไม่ถึงยังขาดอีกเท่าไร
4.2 ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา (10 เสียง)และพรรคประชาธิปัตย์ ( 25 เสียง) จะโหวตอย่างไร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐเสียงแตกหรือไม่ ท่าทีของพรรคและกลุ่มเหล่านี้คือตัวแปรต่อการเป็นนายกฯของพิธา หากส.ส.ของพรรคเหล่านี้เทคะแนนให้พิธา แม้เพียงบางส่วน บวกกับส.ว. รวมแล้วถึง 376 พิธาก็ํเป็นนายกฯ
5. สมมติว่า การโหวตเสียงรอบแรกนี้ พิธาได้ไม่ถึง 376 ก็จะรู้ว่า มีส.ว.กี่คนที่โหวตให้พิธา มากหรือน้อย และยังขาดอีกเท่าไรถึงจะได้ 376 ก็เป็นเรื่องที่พิธาและก้าวไกลจะปรับท่าที เช่น การไปเชิญพรรคที่จะโหวตให้มาร่วมรัฐบาล โอกาสของพรรคชาติไทยพัฒนา มีมากกว่าพรรคอื่น จากนั้นประธานรัฐสภาจะนัดประชุมรัฐสภารอบที่สองเพื่อโหวตเลือกนายกฯอีกครั้ง
6. การเลือกนายกฯ ประธานรัฐสภามีบทบาทในการนัดประชุม บริหารการประชุม ส่วนพรรคเพื่อไทยขยับตัวที่จะแตกแถวออกไปจาก 8 พรรคเพื่อจะให้เศรษฐา ทวีสินเป็นนายกฯกระทำได้ยากเพราะฝืนกับกระแสสังคมที่ต้องการให้พิธาเป็นนายกฯ