เชื้อชั่วไม่มีวันตาย(4)
             

มหกรรมเจาะยางสกัดนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล  นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็คงยังดำเนินไปอย่างเร่าร้อน


ขณะเดียวกันทั้ง”พิธา”และทีมงานพรรคก้าวไกลก็เดินหน้าขอบคุณมวลชนในภูมิภาคที่เทคะแนนไว้วางใจอย่างล้มหลาม พร้อมๆกับการพบปะเอกชนกลุ่มต่างๆเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นและเก็บข้อมูลเตรียมพร้อมทำงานทันทีหากรัฐสภาผ่านความเห็นชอบ  ขณะที่ทีมงานบางส่วนเดินสายหาข้อมูลทั้งในด้านบวกและลบในส่วนของราชการเพื่อนำไปดำเนินการปรับเปลี่ยนแก้ไขโดยเฉพาะประเด็นการทุจริต ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าหน่วยงานราชการส่วนใหญ่จะมีเสียงนินทาจากชาวบ้านที่ไปใช้บริการบ่อยครั้งว่าถ้าอยากได้บริการดี รวดเร็ว ต้องมีปัจจัยแนบไปพร้อมเอกสารที่จะไปรับบริการเสมอ บางหน่วยงานเจ้าหน้าที่รัฐจะใช้ช่องโหว่ของระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมาย หาประโยชน์จากประชาชนที่ใช้บริการ กลายเป็นเชื้อชั่วที่ปราบเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด
         

ตอนที่แล้วได้นำเสนอ 1 ตัวอย่าง ถึงารใช้อำนาจมิชอบของเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก บางคนหรือบางกลุ่ม หาประโยชน์ด้วยการกักเลขทะเบียนรถที่ผู้ใช้รถอยากได้ โดยแลกเปลี่ยนกับปัจจัย 4 หลักหรือ 5 หลัก


จึงขอยกอีก 1ตัวอย่าง คือประเด็นที่เกี่ยวกับการต่อป้ายภาษีทะเบียนรถและการปรับรถยนต์ที่ถูกใบสั่งของตำรวจทางหลวงหรือตำรวจจราจร  ซึ่งการต่อป้ายภาษีทะเบียนรถประจำปีถ้าเป็นรถส่วนบุคคล ถ้าผู้ครอบครองรถปฎิบัติตามข้อบังคับหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ก็จะบริการให้ตามปกติ แต่หลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจับมือกับกรมการขนส่งทางบก เชื่อมระบบออนไลน์เกี่ยวกับข้อมูลการทำผิดกฎจราจรของผู้ใช้รถ ที่ถูกตำรวจทางหลวงและตำรวจจราจร ออกใบสั่งแต่ยังไม่ชำระค่าปรับ
   

เมื่อผู้ใช้รถไปจ่ายภาษีรถประจำปี เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งฯจะออกใบแทนป้ายภาษีให้ก่อนแล้วแจ้งผู้ใช้รถไปจ่ายค่าปรับก่อนแล้วค่อยมารับป้ายภาษีฉบับจริง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 โดยทางเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งฯได้ดำเนินการกับผู้ใช้รถส่วนบุคคลที่ไปต่อป้ายแล้ว ถือว่าเป็นผลดีเพราะที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกมักจะเพิกเฉยต่อการให้ความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในกรณีดังกล่าว จากความร่วมมือส่งผลให้รัฐมีรายได้จากค่าปรับในการทำผิดกฎหมายจราจรเพิ่มขึ้นและที่สำคัญผู้ใช้รถใช้ถนนเคารพกฎจราจรมากขึ้นเช่นกัน ในส่วนของจ่ายภาษีป้ายทะเบียนรถประจำปีส่วนบุคคลจัดว่าดำเนินการได้ดีระดับหนึ่ง แม้บางคนจะมีเส้นสายสามารถหลีกเลี่ยงได้บ้างก็เป็นส่วนน้อย
   

แต่ประเด็นที่น่าสงสัยและน่าติดตามคือการจ่ายภาษีป้ายของรถที่ครอบครองด้วยนิติบุคคลหรือรถที่ถือครองโดยบริษัทรถเช่า บริษัทรถท่องเที่ยง หรือ บริษัทไฟแนนซ์ต่างๆ ซึ่งการต่อป้ายทะเบียน หากเจ้าของบริษัทมอบอำนาจให้พนักงานไปจ่ายภาษีป้ายโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ขนส่งฯจะค่อนข้างลำบาก เพราะเจ้าหน้าที่ขนส่งฯจะให้ต่อครั้งละ 2 เล่ม แล้วให้กดบัตรคิวใหม่ สำนักงานขนส่งฯบางแห่ง ถ้าพนักงานบริษัทเข้าคิวหลายรอบก็จะตั้งคำถามว่าเป็นพวกหน้าม้าหรือเปล่า จนต้องโชว์ประจำตัวให้ดู ซึ่งการจ่ายภาษีลักษณะดังกล่าวค่อนข้างใช้เวลานานเพราะต้องเข้าคิวหลายรอบ จึงเกิดบริษัทรับจ้างจ่ายภาษีป้ายขึ้น โดยบริษัทรับจ้างจะไปรับสำเนาทะเบียนรถจากบริษัทผู้ว่าจ้าง คิดราคาเล่มละ 40 บาท
   

“จากข้อมูลที่ได้รับทราบจากบริษัทรับจ้างจ่ายภาษีป้ายระบุว่า เงินจำนวน 40 บาท ทางบริษัทจะได้ค่าดำเนินการเล่มละ 20 บาท อีก 20 บาทจะจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ขนส่งฯเท็จจริงประการใดไม่อาจทราบได้ แต่พนักงานที่รับจ้างต่อป้ายภาษีแนะว่าถ้าใครไปต่อภาษีป้ายด้วยตัวเองโปรดสังเกตให้ดีจะเห็นว่าบนโต๊ะของพนักงานบางคน สำเนาทะเบียนรถจะกองอยู่จำนวนมาก  บ่งบอกว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวกำลังดำเนินการเกี่ยวกับการต่อป้ายภาษีรถให้กับบริษัทต่างๆ ประเด็นสำคัญน่าจับตาคือนับแต่วันที่ 1 เมษายน เป็นต้นมา บริษัทรถเช่าหรือบริษัทไฟแนนซ์ ยังสามารถต่อป้ายภาษีได้ตามปกติและรับป้ายภาษีฉบับจริงไปได้เลย”
     

ทั้งที่ ในความเป็นจริงบรรดารถเช่าทั้งหลายมักจะถูกใบสั่งเกี่ยวกับขับเร็วหรือทำผิดกฎจราจรอื่นๆบริษัทรถเช่าบางบริษัทถูกใบสั่งจราจรส่งไปที่สำนักงานเดือนละหลายร้อยใบ แต่เมื่อจ้างบริษัทรับจ้างจ่ายภาษีป้ายให้ก็ผ่านฉลุยได้ป้ายจริงโดยไม่ต้องเสียค่าปรับ จริงเท็จประการใดผู้บริหารกรมการขนส่งทางบกต้องเร่งตรวจสอบ ถ้าเป็นจริงอาจเข้าข่ายรับสินบน ซึ่งประชาชนผู้ใช้รถส่วนตัวต้องจ่ายค่าปรับ แต่บริษัทรถเช่าหรือไฟแนนซ์ได้สิทธิพิเศษไม่ต้องจ่ายค่าปรับ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบริษัทรถเช่าหรือบริษัทไฟแนนซ์ ทางกรมขนส่งทางบก ควรจัดบุคลากรไว้คอยบริการต่างหาก ด้วยการคิดค่าบริการเพิ่มพร้อมออกใบเสร็จรับเงินให้ด้วย น่าจะนำเงินเข้าหลวงได้เพิ่มขึ้น
   

นี่คืออีก 1 ตัวอย่าง ที่เกิดขึ้นในกรมการขนส่งทางบก แม้จะมองว่าเป็นประเด็นเล็กๆ แต่ไม่เล็กเลยเพราะผลประโยชน์เหล่านี้ขึ้นเกิดขึ้นทุกวัน ดังนั้นสิ่งพรรคก้าวไกล เดินหน้าเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต และใช้เป็นแนวทางในการปราบทุจริตในวงราชการถือเป็นนิมิตหมายที่ดี อย่างน้อยก็สามารถที่ยับยั้งเชื้อชั่วที่เกาะกินสังคมไทยมานานได้ระดับหนึ่ง


แต่ผลร้ายที่ตามมาคือพรรคก้าวไกล อาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะอย่าลืมว่าพรรคที่ใหญ่และเข้มแข็งที่สุดคือพรรคราชการ ที่เป็นมือไม้ให้กับฝ่าอนุรักษ์นิยมตลอดมา !!!

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img