นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงผลการหารือเพื่อแก้ไขปัญหาการแบ่งเขตเลือกตั้งและการทำไพรมารีโหวตของพรรคการเมืองร่วมกับรัฐบาลเมื่อวานที่ผ่านมา ว่า กกต.ได้ชี้แจงถึงปัญหาที่ติดขัดของพรรคการเมืองซึ่งเกี่ยวข้องกับคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 ว่ามีเรื่องไหนที่พรรคการเมืองสามารถทำได้ก่อนระหว่างรอพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ใช้บังคับ และได้ขอให้รัฐบาลพิจารณาให้ กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งได้เมื่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ประกาศในราชกิจานุเบกษา โดย กกต.คิดว่าจะใช้เวลาในเรื่องการรับฟังความคิดเห็นซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญ ไม่ทำไม่ได้ แม้รัฐบาลจะมองว่าอาจเข้าข่ายเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง รัฐบาลก็จะไปพิจารณาหาวิธีการเพื่อให้กกต.รับฟังความเห็นจากพรรคการเมืองและประชาชนได้ โดยที่จะไม่มีการยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 และประกาศ คสช.ที่ 57/2557
เมื่อได้ข้อมูลแล้วกกต.ก็จะวินิจฉัยว่าจะเลือกใช้รูปแบบใดในแต่ละเขต รวมใช้เวลาประมาณ 50 วัน ซึ่งพรรคการเมืองจะมีข้อมูลในส่วนนี้เพื่อไปทำเรื่องไพมารีโหวตที่คาดว่าพรรคจะมีเวลา 35 วัน ซึ่งคิดว่าพรรคที่มีความพร้อมและมีศักยภาพจะสามารถทำได้ ซึ่งรวมแล้วจะใช้เวลา 85 วัน จะเหลือ 5 วันก่อนกฎหมายมีผลใช้บังคับ อย่างไรก็ตามไม่กังวลเรื่องที่พรรคจะไปแย่งกันหาสมาชิกพรรคให้ครบ500 คน เพื่อทำไพรมารีโหวต เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศมีประมาณ 45 ล้านคน ถ้าพรรคการเมืองจะมาคิดเรื่องแย่งสมาชิกก็เป็นความคิดที่สุดโต่ง ดังนั้นพรรคต้องสร้างความศรัทธาให้ประชาชนมาสมัครเป็นสมาชิก ขณะที่ประชาชนต้องเห็นความสำคัญของการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า ในการหารือการเลือกตั้งยังคงเป็นไปตามโรดแมปไม่เลื่อน แต่อาจจะมีการขยับปรับเปลี่ยนบ้าง ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ส่วนจะเกิดการเลือกตั้งอะไรก่อน ก็ขึ้นอยู่กับว่ากฎหมายใดมีผลบังคับใช้ก่อน โดยในที่ประชุมก็ได้มีการซักถามถึงความคืบหน้าของกฎหมายแต่ละฉบับ โดยกฎหมาย ส.ส. และ ส.ว. อยู่ระหว่างนายกฯนำขึ้นทูลเกล้าฯ
ส่วนกฎหมายท้องถิ่นคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ยกร่างเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็น และจะนำเสนอให้ สนช. พิจารณา ซี่งมีการคาดการณ์ว่า สนช. จะใช้เวลาพิจารณา 60-90 วัน เนื่องจากจะมีกฎหมายของแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าพิจารณาด้วยรวม 6 ฉบับ ในส่วนของ กกต. ได้ชี้แจงให้ที่ประชุมทราบว่า หากจะมีการเลือกตั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นควรจะเว้นระยะห่างกันประมาณ 3 เดือน เพราะเลือกตั้งท้องถิ่นมีเรื่องร้องเรียนมาก และกำลังคนของ กกต. ก็มีจำกัด นายศุภชัย กล่าว