หน้าแรกการเมือง'ธิดา' จวก 'บิ๊กตู่' อย่าร้องหาเกียรติจากตำแหน่ง 'นายกฯ' ถ้ามาจากการรัฐประหาร!

‘ธิดา’ จวก ‘บิ๊กตู่’ อย่าร้องหาเกียรติจากตำแหน่ง ‘นายกฯ’ ถ้ามาจากการรัฐประหาร!

นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงกรณีที่เมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดงานวันต่อต้านการค้ามนุษย์ประจำปี 2561 โดยมีตอนหนึ่งระบุว่า “ผมบอกเสมอว่า ตัวเองก็มีความเป็นมนุษย์ เพราะฉะนั้นความผิดของผมมีเพียงอย่างเดียวที่ผมรู้คือ ความเป็นมนุษย์ ความเป็นมนุษย์จะต้องมีความผิดพลาด มีโมโห มีโกรธ นี่คือความเป็นมนุษย์ของผม เพราะฉะนั้นในการเป็นนายกรัฐมนตรีก็จะต้องมีความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เป็นเรื่องสมมุติออกมา ผมเป็นมนุษย์ ผมเป็นคน และผมทำงานเพื่อคน เพื่อประเทศไทยเพื่อคนไทย ผมก็ต้องเป็นของผมแบบนี้ แต่ผมทำหน้าที่ตรงนี้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรีสำหรับประเทศและต่างประเทศ”

อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษานปช. โดยระบุว่า “พล.อ.ประยุทธ์ท่านเข้าใจคำว่า ‘ความเป็นมนุษย์’ อย่างไร? ท่านบอกว่าท่านมีความผิดอย่างเดียวคือมีความเป็นมนุษย์ก็ต้องมีโกรธมีอารมณ์โมโห อ.ธิดาคิดว่าท่านเข้าใจผิดหลายเรื่อง 1) ท่านเข้าใจคำว่าเป็นมนุษย์ผิด 2) ท่านบอกว่าท่านมีความผิดอยู่อย่างเดียว ท่านบอกว่านั่งทบทวน 4 ปี กำลังทำอะไรอยู่ ข้อเท็จจริงคือทำหน้าที่ ถึงตรงนี้อ.ธิดากล่าวว่าท่านไม่ได้ทำหน้าที่ของท่าน แต่ท่านทำเกินกว่าหน้าที่ของท่าน!

จากนั้นอ.ธิดาได้กล่าวถึงนิยามของความเป็นมนุษย์โดยอ้างท่านพุทธทาสภิกขุที่บอกว่า
เป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง
เหมือนดั่งยูงมีดีที่แววขน
ถ้าใจต่ำเป็นได้แต่เพียงคน
หากต่ำล้นแม้คนมิอาจเป็น
ซึ่งคำว่า ‘มนุษย์’ มาจากการสนธิระหว่างคำว่า มนะ หรือ มโน ซึ่งแปลว่า ใจ กับคำว่า อุษย์ ซึ่งแปลว่า สูง (มนะ + อุษย์ = มนุษย์) ดังนั้น ‘มนุษย์’ จึงแปลว่าผู้มีใจสูง

อ.ธิดากล่าวต่อว่าคนที่เป็นมนุษย์จริงนั้นจิตใจต้องสูง ถ้าพูดทางภาษาพระมนุษย์ก็คือสัตว์โลกที่เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่มีพัฒนาการมาถึงขั้นสูง ในทางชีววิทยา หรือ Biology หมายถึงสมองซึ่งแบ่งส่วนกันทำหน้าที่ตลอดเวลา ดังนั้นมนุษย์ต่างจากสัตว์ตรงที่มีสมอง มีพัฒนาการ ที่สำคัญคือสมองที่ทำให้คิดได้เร็ว เป็นการกลั่นกรองประมวลผลของสมองแล้วออกมาเป็นการสั่งการให้ปฏิบัติ เช่น การพูดทุกครั้งก็ต้องผ่านการกลั่นกรอง

อ.ธิดาได้ย้ำอีกครั้งว่ามนุษย์นั้นแปลว่าคนที่จิตใจสูง และในทางชีววิทยาจิตใจสูงนั้นมาจากการสั่งการของสมองให้พูดดี ให้ทำดี มีความยับยั้งชั่งใจ จึงมีคำว่าสติคู่กับปัญญา ท่านต้องถามตัวเองว่าการกลั่นกรองของสมองท่านมีปัญหาในประเด็นยับยั้งชั่งใจหรือเปล่า? มีปัญหาการใครครวญคิดสะระตะว่าที่เขาพูดนั้นจริง ๆ แล้วมาจากอะไร? แล้วท่านจะแก้ปัญหาที่เขาพูดอย่างไร? หากท่านโมโหก็จะยิ่งหนักขึ้นไปอีก มันแก้ปัญหาไม่ได้ ก็จะมีคลิปที่ท่านโมโหออกมาอีก

ถ้าสมองที่เป็นคุณ มีระดับ มีการใช้งานบ่อย ก็จะสั่งการในท่วงทำนองที่เรียกว่า ‘ฉลาด’ ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร อย่าโทษความเป็นมนุษย์ ต้องโทษความเป็นตัวตนของตัวเอง ร่างกายที่เป็นมนุษย์กับจิตใจและสมองมันคนละเรื่องกัน ท่านอาจจะใช้ spinal cord หรือไขสันหลังมากกว่าหรือเปล่า คือมาปั๊บตอบปุ๊บเลยไม่ทันได้ไปถึงสมอง วิ่งอยู่แถวไขสันหลังก่อน สมองยังไม่ทันกลั่นกรอง ไขสันหลังทำหน้าที่แทน

ในประเด็นการหยามเกียรติตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น อ.ธิดาได้กล่าวถึงอดีตนายกฯ ในทศวรรษนี้อาทิเช่น คุณทักษิณ ชินวัตร, คุณสมัคร สุนทรเวช และโดยเฉพาะคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นนายกฯ คนแรกของประเทศไทยที่เป็นผู้หญิงแต่กลับถูกโจมตีให้ร้ายด้วยถ้อยคำผรุสวาทหยาบคายโดยคนที่เป็นหมอ, เป็นอาจารย์, เป็นพิธีกรผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ ฯลฯ และคนเหล่านี้ยังอยู่ ตั้งพรรคการเมือง กำลังลำพองใจด้วยชัยชนะที่มองว่าท่านเป็นผู้เอื้อประโยชน์ให้เขา อ.ธิดาตั้งคำถามต่อพล.อ.ประยุทธ์ว่าท่านจำได้หรือเปล่า? ท่านกังวลว่านายกฯ คนต่อไปจะเป็นเช่นนี้หรือไม่ที่ต้องถูกด่าตำหนิให้ร้ายใช้คำผรุสวาท ต้องช่วยกันแก้ไข

ทัศนะของอ.ธิดานั้นมองว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่มีเกียรติ ก็ต่อเมื่อนายกรัฐมนตรีท่านนั้นได้รับฉันทานุมัติมาจากประชาชน ก็คือมาจากการเลือกตั้ง และมาตามครรลองในระบอบประชาธิปไตย นายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง…จะดีจะชั่วมันก็โก้ด้วยที่มา มีต้นทุนสูง แต่นายกฯ ที่มาจากการทำรัฐประหาร…ต้นทุนไม่ใช่เตี้ยนะ แต่มันติดลบ

เมื่อท่านเข้ามาเป็นนายกฯ เข้ามาสู่การเมือง เป็นการเมืองที่ไม่ชอบธรรม ไม่มาตามครรลองประชาธิปไตย การออกกฎหมาย การเป็นนายกฯ การออกยุทธศาสตร์ 20 ปี หรือการปฏิรูป เหล่านี้ถ้าไม่ใช่ตามครรลองระบอบประชาธิปไตย บางคนเขาไม่สนใจเนื้อหาเพราะถือว่ามันไม่ถูก แล้ว 4 ปีที่ทำมาไม่ใช่คนไม่เห็น แต่ท่านมาด้วยครรลองที่ไม่ถูกต้อง วิธีทำงานของท่านก็เป็นการทำงานจากบนลงล่าง ในขณะที่ระบอบประชาธิปไตยนั้นต้องจากล่างขึ้นบน คือจากประชาชนขึ้นมาเป็นนโยบาย ขึ้นมาเป็นยุทธศาสตร์ ขึ้นมาเป็นการปฏิรูป

การทำงานจากบนลงล่างก็คือจากท่าน ลักษณะของรัฐข้าราชการรวมศูนย์บวกกับระบอบของคสช. ทำให้การรวมศูนย์อยู่ในอำนาจของคนคณะเล็ก ๆ คณะเดียว แต่มีผลต่อชะตากรรมของประชาชนเป็นจำนวนมาก มีหลักประกันอะไรสำหรับประชาชนและคนในโลกนี้ว่าท่านทำถูกทุกอย่าง ขนาด ‘มนุษย์’ และ ‘มนุสโส’ ท่านยังไม่รู้เลย ท่านเข้าใจว่ามนุษย์ต้องโมโห แต่ว่ามนุษย์ที่โมโหต้องถามว่าเป็นมนุษย์แบบไหน? อย่าไปคิดว่าท่านทำดีทุกอย่าง”


 

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img