หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม"ผบ.ตร." ยัน "ผกก." ต้องรับผิดชอบหลัง "สารวัตร ตม.1" พร้อมพวกอุ้มรีดเงินชาวจีน

“ผบ.ตร.” ยัน “ผกก.” ต้องรับผิดชอบหลัง “สารวัตร ตม.1” พร้อมพวกอุ้มรีดเงินชาวจีน

รับที่ผ่านมา สั่ง!!! ขันน๊อตตรวจสอบรายบุคคล หากพบทำผิดฟันไม่เลี้ยง

เมื่อวันที่ 22 มี.ค.66 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาระดับผู้กำกับและหัวหน้าสถานีจะต้องมีส่วนรับผิดชอบกับกรณีที่ ตำรวจกองกำกับการตรวจคนเข้าเมือง 1 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรวม 5 นาย ที่มีตั้งแต่สารวัตรถึงชั้นประทวนกระทำความผิดร้ายแรงมีโทษถึงถูกออกหมายจับคดีร่วมกันอุ้มรีดเงินชาวจีน ถือว่าเป็นความผิดวินัยร้ายแรง ขณะนี้ได้สั่งการให้ต้นสังกัดตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ว่าจะให้พักราชการ สำรองราชการ ให้ออกหรือไล่ออกจากราชการ โดยจะให้ครอบครัวเดือนร้อน ซึ่งจะไม่ได้รับเงินเดือน ให้ต้นสังกัดพิจารณาตามความเหมาะสม พร้อมให้ตรวจสอบประวัติย้อนหลังว่าเคยมีพฤติกรรมหรือกระทำความผิดลักษณะเดียวกันหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็ได้กำชับและขันน๊อตตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมาโดยตลอด ห้ามไม่ให้มีการปล่อยปละละเลยหรือเข้าข่ายสุ่มเสี่ยงกระทำความผิด โดยให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาเป็นรายบุคคล พร้อมระบุว่าผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองก็ได้ทำหลายเรื่อง อีกทั้งในปัจจุบันหากใครกระทำความผิด ไม่สามารถปกปิดได้ เนื่องจากเป็นสังคมโซเชียลมีเดียที่ไม่สามารถปกปิดความผิดได้

ผบ.ตร. กล่าวว่า กลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามาลักษณะเป็นมาเฟียและทำผิดกฎหมายในไทยได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคโพไโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ไปประสานกับ ปปง., ปปส., กรมการปกครอง, กระทรวงการคลัง, กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อวางมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาระยะยาวไม่ให้กลุ่มคนเหล่านี้อาศัยและกระทำผิดในไทย เพื่อไม่ให้มาก่อเหตุในไทยซ้ำอีก

ล่าสุดมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จากกองกับการสืบสวน 2 เดินทางไปตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องในการชี้เป้ากรณีคดีกักขังหน่วงเหนี่ยวในพื้นที่ สน.ดินแดง ที่จังหวัดชัยภูมิ ตรวจพบรถยนต์ที่มีลักษณะตรงกันกับรถของบุคคลที่ต้องสงสัยว่าเป็นคนชี้เป้า พบว่ามีการเปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียน จึงได้เฝ้าติดตามแล้วเข้าตรวจสอบพบผู้ใช้รถยนต์ชื่อ นายโอภาส ศรียา อายุ 39 ปี อยู่ที่ 294 ม.9 ต.คูเมือง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ

จากการสอบถามรับว่าติดทะเบียนที่ไม่ตรงกับรถจริง และรถยนต์คันนี้ซื้อต่อมาจากเพื่อน ไม่มีเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ใด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำภาพถ่ายของนายโอภาสฯ แสดงให้ผู้เสียหายดูแล้วชี้ยืนยันว่าเป็นนายหน้าคนที่อยู่ด้วยก่อนเกิดเหตุจริงจึงได้บันทึกตรวจยึดและเชิญตัวมาที่ สน.ดินแดง ต่อไป สำหรับประวัติ พบปี 60 นายโอภาส ศรียา เคยกระทำความผิด ลักษณะคล้สยกัน ซึ่งตอนนี้ให้ตรวจสอบดูพบว่าถูกจับเมื่อปี 2560 แต่ทำไมยังออกมาก่อเหตุได้อีก

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img