อนุมัติจ่ายเงิน จานวน 1,485,000,000 บาท ไม่รวมภาษีมลค่าเพิ่มให้แก่บริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) โดยมิชอบ
วันที่ 17 มีนาคม 2566 เวลา 09.30 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติ มิชอบกลางนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อท 139/2565 ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ บริษัททีโอที จากัด (มหาชน) หรือบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จากัด (มหาชน) ผู้ร้อง นายวรุธ สุวกร จาเลย เรื่อความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐคำพิพากษาโดยย่อสรุปความได้ดังน้ี โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งรักษาการกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ และต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัททีโอที จากัด (มหาชน) ผู้เสียหาย จำเลยจึงเป็นพนักงานตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือ หน่วยงานของรัฐพ.ศ.2502และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัตประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบให้บริษัททีโอที จากัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จากัด (มหาชน) ควบรวม กิจการเป็นบริษัทเดียว ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจากัด พ.ศ. 2535 โดยใช้ชื่อว่า บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด บริษัทโทรคมนาคม แห่งชาติ จำกัด (มหาชน) จึงรับไปท้ังทรัพย์สิน หนี้สิทธิ หน้าที่และความรับผิดชอบของบริษัททีโอที จากัด (มหาชน) ท้ังหมด ตามพระราชบัญญัตบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 152 และมาตรา 153 และมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามพระราชบัญญัติ วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 มาตรา 3 และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 4 ระหว่างวันที่ 30 เมษายน 2551 ถึงวันที่ 13 ตุลาคม 2551 เวลากลางวันต่อเนื่องและ เกี่ยวพันกัน จำเลยได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) ให้ไปเจรจากับบริษัทสามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) จากกรณีเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2550 บริษัททีโอที จากัด (มหาชน) ถูกบริษัทดังกล่าวฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่ง เรื่องผิดสัญญาและเรียกร้องเงินจานวน 2,648,771,009.61 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยยละ7.5ต่อปีของต้นเงิน 2,483,687,885.600.บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยซึ่งเป็นพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อ ทา จัดการ และ รักษาทรัพย์ของบริษัททีโอที จากัด (มหาชน) ได้ใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่ บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ บริษัททีโอที จากัด (มหาชน) หรือโดยทุจริต กล่าวคือ จำเลยอนุมัติจ่ายเงินให้แก่บริษัทสามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวน 1,485,000,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเกินกว่า วงเงิน 10 ล้านบาทที่จาเลยมีอานาจอนุมัติได้ ทั้งไม่เข้าข้อยกเว้นตามคำสั่งคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที ที่ 29/2546 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2546 ข้อ 2.1,2.5 และจำเลยมิได้ขออนุมัติการจ่ายเงินดังกล่าว จากที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที ทำให้บริษัทสามารถไอ-โมบาย จากัด (มหาชน) ได้รับชำระเงิน ค่าเสียหายไปเป็นจำนวนเกินกว่าที่บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) ควรจะต้องจ่าย การกระทำของจำเลย จึงเป็นการใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่บริษัททีโอที จากัด (มหาชน) และเป็น การใช้อานาจในหน้าที่โดยมิชอบเป็นเหตุให้บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) ได้รับความเสียหาย คิดเป็นเงนิ ค่าเสียหายจานวน 525,370,000 บาท เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 8, 11ระหว่างพิจารณา บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จากัด (มหาชน) ยื่นคาร้องขอให้จาเลย ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้องเป็นเงนิ จานวน 525,370,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงินทั้งสนิ้ จำนวน 1,062,147,006.160 บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจาก วันยื่นคาร้องเป็นต้นไปจนกว่าจาเลยจะชาระเสร็จ
จำเลยให้การปฏิเสธอ้างว่า จาเลยอนุมัติจ่ายเงินให้แก่บริษัทสามารถไอ-โมบาย จากัด (มหาชน) โดยเป็นไปตามผลการเจรจาของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาและกาหนดแนวทางที่ นาเสนอมา และมติที่ประชุมของคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที ในการประชุมครั้งที่ 19/2551 เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2551 ให้อานาจจาเลยอนุมัติจ่ายเงินตามฟ้องได้เนื่องจากเป็นเรื่องการบริหารจัดการ สัญญาของฝ่ายบริหาร ทั้งเป็นการปฏิบัติตามสัญญาที่ยกเว้นให้จาเลยมีอานาจอนุมัติจ่ายเงินได้เกินกว่า 10 ล้านบาทตามคาสั่งคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที ที่ 29/2546 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2546 ข้อ ๒.1.2.5 และจาเลยไม่จาต้องให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัททีโอที จากัด (มหาชน) พิจารณา อนุมัติจ่ายเงินจานวนดังกล่าวเพราะตามมติที่ประชุมที่ 19/2551 ข้างต้นให้อานาจจาเลยไว้แล้วกับตามคำสั่ง บมจ.ทีโอที ที่ ส.10/2561 เรื่องผลการสอบสวนผู้รับผิดทางแพ่งสรุปว่าการจ่ายเงิน ตามฟ้องนี้จาเลยไม่มีความผิดทางแพ่ง จำเลยจึงมิได้กระทาความผิดตามฟ้องและไม่ต้องรับชาระ ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้อง
ทางไต่สวนพยานหลักฐานจากการพิจารณาของศาลประกอบรายงานการไต่สวน ข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า บริษัททีโอที จากัด (มหาชน) หรือ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จากัด (มหาชน) ผู้ร้อง เป็นรัฐวิสาหกิจตามพระราชบัญญัติวิธีการ งบประมาณ พ.ศ. 2502 มาตรา 3 และตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 4 เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2551 บริษัททีโอที จากัด (มหาชน) ได้จ่ายเงินให้แก่บริษัทสามารถไอ-โมบาย จากัด (มหาชน) เป็นจำนวน 1,476,100,000.บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามการอนุมัติของจำเลย คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การกระทาของจาเลยที่อนุมัติจ่ายเงินดังกล่าวเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงตามฟ้องคดีนี้ฟังได้ว่าจาเลยอนุมัติสั่งจ่ายเงินให้แก่บริษัทสามารถไอ-โมบาย จากัด (มหาชน) เป็นจานวนเงิน 1,476,100,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเกินกว่า 10 ล้านบาท จาเลยจึงต้องขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที เสียก่อน เว้นแต่เป็นการปฏิบัติ ตามเงื่อนไขข้อผูกพันในสัญญาตามคาสั่งคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที ที่ 29/2546 ข้อ 2.1.2.5 เมื่อพิจารณาจากคาฟ้องคดีแพ่งเป็นการฟ้องเรียกให้บริษัททีโอที จากัด (มหาชน) ชำระเงินให้แก่ บริษัทสามารถไอ-โมบาย จากัด (มหาชน) จากการผิดสัญญาและเรียกค่าเสียหาย กรณีจึงไม่อาจเป็น การเจรจาหาข้อยุติเพื่อที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อผูกพันในสัญญาได้ที่จะเป็นข้อยกเว้นตามคำสั่ง คณะกรรมการ บมจ.ทีโอที ที่ 29/2546 ข้อ 2.1.2.5 ได้ ทั้งการที่นายอดเงินจานวนเต็มตามฟ้อง ในคดีแพ่งมาเป็นหลักในการเจรจาต่อรองจึงเท่ากับเป็นการยอมรับว่าบริษัททีโอที จากัด (มหาชน) เป็นฝ่ายผิดสัญญาและยอมรับผิดเต็มตามฟ้อง นอกจากนี้การเจรจาของคณะกรรมการเพื่อพิจารณา กาหนดแนวทางกมิได้ปฏิบัตตามความเห็นที่เป็นข้อสังเกตของที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที ครั้งที่ 19/2551 เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2551 ประกอบกับจาเลยอนุมัติจ่ายเงินให้แก่บริษัทสามารถ ไอ-โมบาย จากัด (มหาชน) ในวันที่ 13 ตุลาคม 2551 ซึ่งเป็นระยะเวลาเกินกว่า 1 เดือนตามมติ ที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที ครั้งที่ 19/2551 กำหนดไว้ นอกจากนี้ก่อนและหลังจำเลยอนุมัติ ให้จ่ายเงินแก่บริษัทสามารถไอ-โมบาย จากัด (มหาชน) ได้มีการคัดค้านจากบุคคลภายในหน่วยงานของ จำเลยหลายครั้ง โดยเฉพาะมีการยกเลิกเช็คสั่งจ่ายเงินให้แก่บริษัทสามารถไอ-โมบาย จากัด (มหาชน) เพราะฝ่ายการเงินและบัญชีคัดค้านเรื่องอานาจจ่ายเงินของจาเลย แต่จำเลยก็ยังอนุมัติให้มีการจ่ายเงิน ดังกล่าวโดยไม่หารือหรือขอความคิดเห็นจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ตอบข้อหารือหรือนาเข้าที่ประชุม คณะกรรมการบริษัททีโอที จากัด (มหาชน) เพื่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยได้ใช้ความละเอียดรอบคอบ
ในการตัดสินใจอนุมัติวงเงินซึ่งเป็นจานวนมากถึง 1,476,100,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานเป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทา จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ใช้อานาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จากัด (มหาชน) กับเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จากัด (มหาชน) หรือโดยทุจริต ส่วนข้อที่จาเลยให้การและนาสืบปฏิเสธมา ไม่มีน้าหนักให้รับฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ ทั้งการที่จาเลยเบิกความว่าขอขยายระยะเวลา 1 เดือน ด้วยวาจากับคณะกรรมการ บมจ.ทีโอทีแล้วนั้น ก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวในชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณามาก่อนจึงไม่มีน้าหนักให้รับฟังเช่นกัน พยานหลักฐานโจทก์ที่นาสืบรับฟังได้ว่า จำเลยกระทาความผิดตามฟ้อง และต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัททีโอที จากัด (มหาชน) หรือบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จากัด (มหาชน) ผู้ร้องพร้อมดอกเบี้ยตามคำร้อง
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 จาคุก 20 ปี กับให้จาเลยใช้ค่าสินไหมทดแทน แก่ผู้ร้องเป็นเงินจานวน 1,062,147,006.16 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงนิ จานวน 525,370,000 บาท นับถัดจากวันที่ 15 ธันวาคม 2565 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คดีนี้โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณานัดสอบคำให้การ ตรวจพยานหลักฐาน และ สืบพยานโจทก์และจำเลย 5 นัด รวมระยะตั้งแต่วันฟ้องถึงวันอ่านคำสั่งหรือคำพิพากษาเวลา 7 เดือน 13 วัน