ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฯให้ประกัน พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ประธานที่ปรึกษา บริษัท ตลาดใหม่ดอนเมือง ผู้ต้องหาคดีร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ตีวงเงิน 300,000 บาท กำหนดเงื่อนไขห้ามยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ นัดมารายงานตัวต่อศาล วันที่ 2 ก.ค.นี้
จากกรณีที่เมื่อเช้าของวันที่ (13 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง นำตัว พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ประธานที่ปรึกษา บริษัท ตลาดใหม่ดอนเมือง ผู้ต้องหาคดีร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ไปฝากขังผลัดแรก ที่ศาลอาญารัชดา ทันทีที่ พ.ต.ท.สันธนะ เดินลงมาจากห้องคุมขัง มีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อม ที่มือใส่กุญแจมือสีเงิน พร้อมทั้งชูมือให้สื่อได้บันทึกภาพ พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวว่า เมื่อคืนนอนหลับฝันดี เพราะที่ สน.ดอนเมืองก็เคยเป็นที่ทำงานเก่า สมัยเป็นสารวัตรสืบสวน สน.ดอนเมือง และไม่กังวลเรื่องคดี ส่วนตนรู้มาว่ามีคำสั่งพิเศษจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ใส่กุญแจมือ เปรียบเหมือนนาฬิกา ยี่ห้อโรเล็กซ์ เป็นยี่ห้ออื่นไม่ได้ จึงยินดีทำตามความต้องการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกล่าวทิ้งท้าย “กูไม่ยอมพวกมึง ไม่มีวัน” ก่อนจะยกมือไหว้สื่อมวลชนที่มารอทำข่าว และเดินขึ้นรถตู้ สน.ดอนเมือง เพื่อไปศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก
ในเวลาต่อมา ที่ศาลอาญา ถ.รัชดา ภิเษก ร.ต.ท.ทศพร ดุดง รอง สว.(สอบสวน) สน.ดอนเมือง ควบคุมตัว พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีต รองผกก.สันติบาล และที่ปรึกษาของบริษัทพัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง จำกัด มาขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรก โดยทันทีที่ลงจากรถตู้ของตำรวจ พ.ต.ท.สันธนะ ได้เดินลงมาก่อนชูมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกล่าวว่า นี่เป็นออเดอร์ ตนเป็นลูกค้าวีวีไอพีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะที่นั่งรถมามีคำสั่งพิเศษบอกว่า ให้กลับไปที่สถานีตำรวจใหม่อีกรอบหนึ่ง เมื่อคืนมีคนของตัวเองดูแลก็เรียบร้อยดี ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วง ได้เตรียมหลักทรัพย์มาพร้อม
“ผมมั่นใจในกระบวนการศาลยุติธรรม ผมไม่ได้กระทำผิดอะไร ถ้าประเทศนี้แผ่นดินนี้ คนไม่ได้กระทำผิดแล้วถูกกระทำแบบผม ประชาชนสังคมจะอยู่ได้ไหม มีพ่อค้าแม่ค้า 8 ราย มาบอกว่าผมไปรีดเก็บเงินไถเงิน เดือนละ 1,500 บาท เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ผมได้รับรายชื่อ 8 เดนนรกแล้ว ผมดำเนินการฟ้องร้องพ่อค้าแม่ค้าพวกนี้กลับแน่ คนอย่างผม ผมดูชื่อ ผมไม่เคย เขาขายอยู่ตรงไหน ร้านไหน ผมไม่เคย ไม่รู้จัก เป็นเรื่องจริงที่ 8 หมายไม่มีผู้เสียหายมันเป็นกระบวนการที่ผิดปกติไปทุกขั้นตอน ผมไม่มีวันยอมพวกคุณ”พ.ต.ท.สันธนะ กล่าว