หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม"ผู้ช่วยฯ สุรเชษฐ์" แถลงผลงานลุย ปราบปรามประมงผิดกฎหมาย ขยายผลจ่อดำเนินคดีกับ จนท.รัฐที่เกี่ยวข้อง พร้อมสั่งรื้อคดีลูกเรือตกน้ำ 231 ราย

“ผู้ช่วยฯ สุรเชษฐ์” แถลงผลงานลุย ปราบปรามประมงผิดกฎหมาย ขยายผลจ่อดำเนินคดีกับ จนท.รัฐที่เกี่ยวข้อง พร้อมสั่งรื้อคดีลูกเรือตกน้ำ 231 ราย

Processed with MOLDIV

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะ ประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวังการทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แถลงสรุปผลความคืบหน้าการดำเนินการจัดระเบียบประมงผิดกฎหมาย แยกน้ำดีน้ำเสีย ภายหลังที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลเข้ามาทำหน้าที่ โดยมีผลดำเนินการดังนี้ 1.) จับกุมเรือประมงสัญชาติมาเลเซียแอบอ้างเป็นสัญชาติอินโดนีเซีย จำนวน 5 ลำเข้ามาซ่อมบำรุงที่ จ.สงขลา ฝ่าฝืนคำสั่งรัฐบาลมาเลเซีย ปิดบังอำพรางสัญชาติเรือ ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ศุลกากร สามารถจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี รวมทั้งส่วนของเจ้าของอู่ เจ้าของเรือ นายหน้า ลูกเรือ เรียบร้อยหมดแล้ว กำลังขยายผลสู่เจ้าหน้าที่ของรัฐ

Processed with MOLDIV

2.) ตรวจสอบเรือประมงที่ขอปิดสัญญาณระบบติดตามเรือชั่วคราว (VMS) ซึ่งต้องแจ้งจุดจอดต่อเจ้าหน้าที่ จำนวน 620 ลำ พบการกระทำความผิด 3 คดี 2.1) เรือโนรีนาวา สลับลำกับ เรือศุภประภานำโชค (สวมเรือ ฟอกเรือ), 2.2) เรือ ป.พิพัฒน์ 1 ขนาด 43.18 ตันกรอส และเรือสิงห์ทอง 3 ขนาด 53.96 ตันกรอส ไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าได้ยกเลิกการงดใช้เรือจากกรมเจ้าท่า ซึ่งทำให้ต้องเปิด VMS ฝ่าฝืน พ.ร.ก.การประมงฯ มาตรา 81 มีโทษตามมาตรา 151 ปรับ 200,000 บาท คณะทำงานกำลังรวบรวมหลักฐานแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนภายในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565

Processed with MOLDIV

3.) ตรวจสอบเรือประมงที่สัญญาณ VMS ขาดหายขณะจอดอยู่ในท่าเทียบเรือประมงจำนวน 1,496 ลำ ระหว่างวันที่ 1-18 มกราคม 2565 ซึ่งเรือกลุ่มนี้หากสัญญาณขาดหายเกิน 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จะแจ้งเจ้าของเรือให้มาเขียนแบบแจ้งตำแหน่งที่จอดเรือส่งเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายมีเรือประมงชื่อ ช.สินชัย 3 ขนาด 36.91 ตันกรอส จอดบริเวณ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย จึงให้กรมประมงดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ฝ่าฝืน พ.ร.ก.การประมงฯ มาตรา 81 มีโทษตามมาตรา 151 ปรับ 200,000 บาท โดยให้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนภายในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565,  4.) รื้อฟื้น ตรวจสอบ คดีลูกเรือตกน้ำในรอบปี 2563 – 2564 จำนวน 231 ราย ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นลูกเรือต่างด้าว และคดีไม่มีความก้าวหน้า ไม่สามารถหาคำอธิบายต่อสังคมได้อย่างโปร่งใส โดยให้ดำเนินการให้เป็นรูปธรรมดังนี้ 4.1) จัดส่งชุดปฏิบัติการลงพื้นที่ศูนย์ PIPO และสถานีตำรวจที่รับแจ้งความ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทางคดี และการดำเนินการของพนักงานสอบสวนภายหลังรับแจ้งความ มีเป้าหมาย ค้นหาความเป็นจริงและข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้เกิดความโปร่งใส นำสู่ตัวผู้กระทำความผิด หรือทราบสาเหตุการตกน้ำสูญหาย และนำข้อมูลไปปรับปรุงการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายและเจ้าของเรือ มิให้เกิดเหตุการณ์นี้ซ้ำซ้อน, 4.2) ดำเนินคดีกับเจ้าของเรือประมง 231ลำที่ลูกเรือตกน้ำ และเจ้าของเรือไม่ได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 มาตรา 34 ที่กำหนดให้เจ้าของเรือต้องแจ้งกรณีเกิดอุบัติภัยร้ายแรง หรือลูกจ้างประสบอันตรายจากการทำงาน เป็นหนังสือต่อพนักงานตรวจความปลอดภัย ภายใน 7 วัน ซึ่งมีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้มีอำนาจเปรียบเทียบปรับ โดยให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564

Processed with MOLDIV

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า “ตามนโยบาย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ ตนเป็นประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวังการทำประมงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากการทำงานในห้วงที่ผ่านมา มีผลงานที่ดำเนินการเป็นรูปธรรมหลายเรื่อง ทั้งการจับกุมเรือที่ปลอมแปลงสัญชาติ ตรวจสอบเรือประมงที่ขอปิดสัญญาณระบบติดตามเรือชั่วคราว (VMS) ตรวจสอบเรือประมงที่สัญญาณ VMS ขาดหายขณะจอดอยู่ในท่าเทียบเรือประมง และ การรื้อฟื้น ตรวจสอบ คดีลูกเรือตกน้ำในรอบปี 2563 – 2564 จำนวน 231 ราย ตนเข้ามาทำงานตามนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการให้ไทยปลอดการประมง IUU ทั้งระบบ เจ้าหน้าที่จะไม่ยุ่งกับประมงที่ถูกกฎหมาย แต่จะจัดการกับส่วนที่ผิดกฎหมายซึ่งเชื่อว่าเป็นเพียงส่วนน้อย เป็นมาตรการแยกน้ำดีน้ำเสีย เพื่อผลประโยชน์ของส่วนร่วมตามนโยบายรัฐบาล”

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img