นายบุญเลิศ ไพรินทร์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาและอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เจ้าของฉายา ‘โหรส.ว.’ โพสต์ข้อความเฟสบุ๊ค กล่าวถึงคดีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเมน จำกัด และอีกกรณีของ นางพิไลจิตร เริงวิทยา ,นางนิจพร จรณะจิตต์ , นางอรเอม เทอดประวัติ 3 กรรมการบริษัท ซีพีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ด้วยตัวเอง ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นพี่น้องของนายเปรมชัย พบมีการบุกรุกพื้นที่ป่าในอ.ภูเรือ และอ.ด่านซ้าย จ.เลย รวม 6 คดี จำนวน 6700 ไร่ มูลค่าความเสียหายกว่า 680 ล้านบาท
นายบุญเลิศ กล่าวต่อกรณีดังกล่าวว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่และสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสือดำที่พลีชีพเพื่อให้สังคมได้รับรู้ความโหดร้ายของนายเปรมชัย และคณะ นอกจากความตายของเสือดำและสัตว์ป่าอื่นๆจะชี้ให้เห็นความเหี้ยมเกรียมและความโหดร้ายของผู้ดีตีนแดงและมหาเศรษฐีของประเทศแล้วยังนำความชั่วร้ายอื่นๆมาเปิดเผยให้โลกรู้ว่า ยังมีความชั่วร้ายอื่นๆอีกมากมายตามมาอีกด้วย ได้เปิดเผยความชั่วร้ายของพี่สาวอีก 3 คนที่บุกรุกที่ดินที่ภูเรือและที่อื่นๆอีกด้วย
นายบุญเลิศ กล่าวด้วยว่า ที่ดินเหล่านั้นน่าจะเป็นสมบัติของชาติและหรือของคนยากจนไร้ที่ทำกินแต่คนในตระกูลนี้กลับบุกรุกเอามาเป็นสมบัติของตนเองกันโดยถ้วนหน้า ไหนว่าพวกท่านเป็นเศรษฐี ไหนว่าพวกท่านเป็นผู้ดี ไหนว่าพวกท่านเป็นไฮโซ ไหนว่าพวกท่านเป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรมและใจบุญน่านับถือมีหน้ามีตา แท้ที่จริงพวกท่านก็คือปิศาจและเปรตที่หิวโหยอยู่ตลอดเวลา พร้อมที่จะเขมือบทุกอย่างที่ขวางหน้า ถ้าหามาได้โดยชอบด้วยกฏหมายและศีลธรรม คงไม่มีใครว่าแต่อย่างใด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากคนตระกูลนี้เป็นหลักฐานชี้ให้สังคมได้รับรู้ว่ายังจะมีตัวอย่างของเศรษฐีแล้วทำลายสมบัติของชาติแบบนี้อีกมากมายอย่างแน่นอน
นายบุญเลิศ กล่าวเพิ่มอีกว่า ทั้งนี้เพราะ “เงินง้างเหล็กได้ได้ดั่งใจ” ดังที่บรรพบุรุษของเราได้กล่าวไว้ในอดีตและยังใช้ได้อยู่ทั้งในปัจจุบันและอนาคตนั่นเอง ถ้าเงินใช้ไม่ได้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับต่างๆในพื้นที่และจากส่วนกลางรวมทั้งนักการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติแล้ว คนโลภจะไม่สามารถทำชั่วได้อย่างแน่นอน ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประชาชนในพื้นที่จะรวมตัวกันให้เหนียวแน่นเพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ของชาติและประชาชนในพื้นที่ของตนทั้งระดับหมู่บ้านและชุมชน ระดับตำบล อำเภอและจังหวัดรวมทั้งภูมิภาคด้วยถึงเวลาหรือยังที่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐในกระทรวง ทบวง กรม จังหวัด อำเภอ ตำบลและหมู่บ้านที่จะต้องรวมตัวกันเพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ของชาติและประชาชนให้ได้ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะเป็นเช่นนั้นได้จะต้องมีกฏหมายรองรับในการกำหนดอำนาจและหน้าที่ของประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐรวมทั้งสิทธิประโยชน์ที่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะได้จากการเปิดโปงความชั่วร้ายทั้งหลายทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นในรูปของสภาประชาชนและสภาเจ้าหน้าที่ของรัฐ
“ถ้าทำได้เช่นนี้บ้านเมืองจะปลอดพ้นจากการทุจริตคอรัปชั่นในกระทรวงทบวงกรม จังหวัด อำเภอรวมทั้งผลประโยชน์ในพื้นที่ได้อย่างแท้จริงและได้อย่างดียิ่งอีกด้วย” นายบุญเลิศ กล่าว
[fb_pe url=”https://www.facebook.com/pairindra/posts/1399183386853482″ bottom=”30″]