หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม"รองโฆษก ตร." เตือนภัยแก๊งทวงหนี้เงินกู้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ อย่าตื่นตระหนกและหลงเชื่อ ให้เร่งรวมหลักฐานแจ้งความดำเนินคดี ทันที

“รองโฆษก ตร.” เตือนภัยแก๊งทวงหนี้เงินกู้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ อย่าตื่นตระหนกและหลงเชื่อ ให้เร่งรวมหลักฐานแจ้งความดำเนินคดี ทันที

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่สำนักงานตำรวจแห่งขาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอข่าว แก๊งทวงหนี้เงินกู้นอกระบบ โทรมาข่มขู่เหยื่อแจ้งว่า ติดหนี้ รวมถึงใช้กลอุบาย หลอกลวงเพื่อให้ยอมชำระหนี้นั้น ห้วงที่ผ่านมายังปรากฎว่า มีแก๊งมิจฉาชีพ แอบอ้างใช้กลอุบาย โทรหาเหยื่อแจ้งว่า ติดหนี้เงินกู้ ทำการข่มขู่ จะมาทำร้าย หรือหากไม่ชำระหนี้จะนำข้อมูลส่วนตัวไปขายต่อทำให้เสียชื่อเสียง ดังเช่นกรณีในวันที่ 29 พ.ย.64 หญิงรายนึงซึ่งเป็นแม่ค้าใน จังหวัดนนทบุรี หลงเชื่อแอปพลิเคชั่นเงินกู้ออนไลน์ จำนวน 20,000 บาท ถูกข่มขู่และคุกคามไปถึงบุคคลในครอบครัว และเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.64 สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอคลิปวีโดโอแก๊งทวงหนี้มีการพูดคุยระหว่างอัยการท่านนึง ถูกแก๊งทวงหนี้โทรมาข่มขู่ อ้างว่า ติดยอดกู้ยืมเงิน จำนวน 3,000 บาท ซึ่งไม่ได้กู้ยืมจริง รวมถึงกรณีเมื่อวันที่ 20 พ.ย.64 ชาวบ้านใน อ.วิเชียรบุรี จว.เพชรบูรณ์ ถูกแก๊งเงินกู้ออนไลน์โทรมาทวงหนี้จำนวนรายละ 5,000 บาท โดยใช้วีธีการด่าทอและใช้คำหยาบ เป็นต้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เล็งเห็นความสำคัญและมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกู้เงินนอกระบบ ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกทวงถามหนี้โดยผิดกฎหมาย จึงกำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนและสืบสวนปราบปรามดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายอย่างจริงจัง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล โดยกำชับไปยังทุกหน่วย ที่เกี่ยวข้องทุกพื้นที่ทำการสืบสวนหาข่าว ปราบปรามดำเนินคดีกับแก๊งทวงหนี้นอกระบบ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ ให้ประชาชนกู้ยืมเงินโดยผิดกฎหมาย เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด หรือมีลักษณะเป็นการทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบประชาชน การทวงถามหนี้โดยผิดกฎหมาย หรือการกู้ยืมเงินที่มีลักษณะเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นภัยที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนห้วงการแพร่ระบาดโควิด-19

จากสถิติของ ศปน.ตร. พบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 1 ต.ค.63 ถึงปัจจุบัน มีการแจ้งการกระทำความผิดซึ่งเกี่ยวข้องกับเงินกู้นอกระบบกว่า 4,200 เรื่อง ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วกว่า 3,400 เรื่อง คิดเป็นกว่าร้อยละ 80 อยู่ระหว่างดำเนินการ 800 กว่าเรื่อง คิดเป็นร้อยละ 20 ซึ่งการกระทำความผิดที่ได้รับแจ้งเป็นจำนวนมาก คือ การเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา, แอพพลิเคชั่นกู้เงินออนไลน์ และการทวงหนี้ผิดกฎหมาย ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดําเนินการสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้กระทําความผิดตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

การกระทำลักษณะดังกล่าว ในส่วนการทวงหนี้โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ฯ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการข่มขู่ การใช้ความรุนแรง การใช้วาจาดูหมิ่นหรือการเปิดเผยข้อมูลการเป็นหนี้ของลูกหนี้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนผู้ที่กระกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 100,000-500,000 บาท หากมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท และหากมีการตรวจสอบพบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด ก็อาจมีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผบ.ตร. ได้กำชับในทุกหน่วยเร่งสร้างการรับรู้ แนวทางป้องกันให้กับประชาชน ทราบถึงพิษภัยจากสื่อสังคมออนไลน์ในทุกรูปแบบ และขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงวิธีหลีกเลี่ยงการถูกทวงหนี้นอกระบบผ่านสื่อสังคมออนไลน์และแนวทางการป้องกันดังนี้ (1.) หากถูกแก๊งทวงหนี้ออนไลน์แอบอ้าง โทรมาข่มขู่ ควรตั้งสติให้ดี อย่าตื่นตระหนก, (2.) ทำการบันทึกข้อมูลการสนทนา ภาพถ่าย คลิปวีดีโอ เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไว้ เพื่อใช้ในการดำเนินคดีภายหลัง, (3.) หากมีความจำเป็นต้องกู้เงิน ควรกู้จากสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือและตรวจสอบได้

นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) หมายเลข 1441 เวลาราชการ หรือศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) 1599 หรือ Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img