พระสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม และอดีตแกนนำ กปปส. โพสต์ข้อความเฟสบุ๊ค หลังจากเดินทางเข้าแจ้งความที่กองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีต่อ นายมาร์ค พิทบูล หรือ นายณัชพล สุพัฒนะ ประธานชมรมมิตรภาพพิทบูล เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก Pitbullzone กรณีไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กเผยแพร่ถ้อยคำพูดอันเป็นการเหยียดหยามพระพุทธศาสนา โดยระบุว่า ”
หลังจากไปชี้เบาะแสให้เจ้าหน้าที่กองปราบเพื่อทำการสืบสวน สอบสวนในพฤติกรรมของนายมาร์ค พิทบูล ที่แสดงพฤติการดูถูก ดูหมิ่น เหยียดหยามพระบรมศาสดาอรหันต์ สัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรง แล้วยังกล่าวดูหมิ่นเรื่องราวที่ปรากฏในพระเวสสันดรสูตอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ต่ำทราม เหยียดหยามดูถูกพุทธบริษัททั่วโลก
ทั้งที่พระไตรปิฎก ไม่ว่าจะฉบับไหนๆ ที่มีมาแล้วในอดีต และมีอยู่ในปัจจุบันก็แสดงชัดเจนว่า
พระบรมศาสดาทรงตรัสแสดงพระเวสสันดรชาดกด้วยพระองค์เอง ด้วยพุทธประสงค์เพื่อจะทำลายอัสมิมานะ ความถือตัวถือตน ของบรรดาเหล่าพระประยูรญาติทั้งหลายที่ไม่ยอมเคารพน้อมรับองค์พระบรมศาสดา เพราะเห็นว่าองค์พระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงมีพระชนมายุอ่อนพรรษากว่าพระประยูรญาติผู้ใหญ่ทั้งหลาย
เหล่านี้คือเหตุผลที่องค์พระบรมศาสดาทรงแสดงพระเวชสันดรชาดก เพื่อให้พระประยูรญาติได้รับรู้ว่า อย่ามองพระพุทธองค์เพียงแค่อายุขัยเท่านั้น
แต่จงมองให้เห็นถึงคุณวิเศษ คุณธรรม คุณสมบัติ ว่ากว่าบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณนี้ได้ ทรงต้องบำเพ็ญทศบารมีทั้ง ๑๐ ประการ อันมีทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา ซึ่งต้องใช้เวลาในการสะสมอบรมบารมีมาเนินนานหลายภพ หลายชาติ ถึง ๔ อสงไขย แสนมหากัป
และด้วยพระคุณธรรมนี้ ก็มิอาจเทียบได้กับคุณธรรมใดๆ ของสัตว์ทั้งหลายและพระประยูรญาติที่มีอยู่น้อยนิดนี้ได้เลย
ฉะนั้นประยูรญาติทั้งหลายผู้มีความอหังการ มมังการ อัสมิมานะ ถือตัวถือตน คิดว่าตนเป็นผู้มียศ มีเกียรติ์ มีความรู้ มีอายุมากกว่าจึงควรที่จักต้องสำรอกความถือดีเหล่านี้ออกไปเสียก่อน ด้วยพระพุทธธรรมเวสสันดรชาดกจึงจักทรงแสดงธรรมขั้นสูงในลำดับต่อไป
เมื่อเป็นเช่นนี้พระเวสสันดรชาดกจึงหาใช่ไก่กา ไร้สาระ มอมเมาให้คนงมงาย อย่างที่นายมาร์คจาบจ้วงไม่
แต่ก็ยังมีผู้เห็นต่างจากพุทธะอิสระซึ่งมีทั้งนักบวชและฆราวาสไม่รู้ว่า เป็นพวกเดียวกับนายมาร์ค พิทบูล หรือไม่ ได้คอมเมนต์โต้แย้งมาตัวอย่างเช่น
————————————————————
Thamma Sookchuay จะฟ้องใครก็ต้องระวังและศึกษาพระไตรปิฎกให้ถ่องแท้
…เพราะมีคำสาวกที่เขึยนใหม่อยู่เกินครึ่ง. ทำให้เขาแย้งได้
————————————————————
ยังไงก็ต้องขอบคุณในความห่วงใย ที่สู้อุตส่าห์เขียนมาเตือน ซึ่งขอบอกว่า คนอย่างพุทธะอิสระไม่เคยไม่มั่นใจในสิ่งที่ตนเองทำ
หากคิดจะทำอะไร แล้วต้องมั่นใจ และก็มั่นใจว่า พฤติกรรมของนายมาร์ค ที่กระทำต่อพระบรมศาสดาในครั้งนี้เข้าข่าย ละเมิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช๒๕๖๐ มาตรา ๖๗ ความว่า รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสดาอื่น
“ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ นับถือมาช้านาน
รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษา และการเผยแพร่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาท เพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจ และปัญญา
และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลาย พระพุทธศาสนาไม่ว่าจะรูปแบบใด
และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดำเนินมาตรการ หรือกลไกดังกล่าว”
หากท่านทั้งหลายพิเคราะห์ดูบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญมาตรา ๖๗ นี้แล้วเทียบกับพฤติการของนายมาร์ค พิทบูลแล้ว จักเห็นว่า นายมาร์ค มีพฤติการที่บ่อนทำลายศรัทธาและหลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทอย่างแจ้งชัด
เช่นนี้จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐจักต้องดำเนินการ คุ้มครอง ป้องกัน มิให้นายมาร์ค ทำการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาเถรวาทนี้ได้ต่อไปอีก ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม
นอกจากนี้นายมาร์ค ยังได้ละเมิดพระราชบัญญัติ การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๗ (๔) ความว่า
“กอ.รมน.มีอำนาจหน้าที่ เสริมสร้างให้ประชาชนตระหนักในหน้าที่ ที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
สร้างความสามัคคีของคนในชาติ รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเข้ามาป้องกัน และแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่กระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และความสงบเรียบร้อยของสังคม”
จากพระราชบัญญัติความมั่นคงมาตรานี้ จะเห็นได้ว่า กำหนดให้ประชาชนมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมทั้งต้องร่วมมือกันป้องกันและแก้ไข มิให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยของสังคม
แต่จากพฤติกรรมของนายมาร์คที่แสดงออก วิญญูชนผู้มีปัญญา ย่อมเห็นได้ วิเคราะห์ได้ว่า นายมาร์ค กำลังกระทำการอันเป็นภัยต่อสถาบันพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง ซึ่งก็ถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยต่อสังคมด้วย
อีกทั้งนายมาร์ค พิทบูล ยังกระทำการละเมิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๐๖ ความว่า
“ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ แก่วัตถุหรือสถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาของหมู่ชนใด อันเป็นการเหยียดหยามศาสนาอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีจนถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
แม้ประมวลกฎหมายอาญามาตรานี้ ไม่ได้กำหนดเอาไว้ชัดเจนถึงการดูหมิ่นพระบรมศาสดาในศาสนาก็ตามที
แต่จากพฤติกรรมของนายมาร์ค ที่จาบจ้วง ดูหมิ่นพระพุทธประวัติหรือประวัติพระพุทธเจ้า ตั้งแต่ทรงประสูติ หลังจากประสูติแล้ว และทรงแสดงธรรม
ศาลท่านย่อมมีสติปัญญา วิเคราะห์ได้ว่า พฤติกรรมของนายมาร์ค เข้าข่ายเหยียดหยามศาสนาพุทธนิกายเถรวาทหรือไม่
รวมความว่า พวกที่เข้ามาโพสต์ด่า ตำหนิ และท้วงว่าพุทธะอิสระไปชี้เบาะแสให้เจ้าหน้าที่กองปราบ สืบสวน สอบสวนในพฤติกรรมของนายมาร์ค พิทบูล จักกลายเป็นการชี้เบาะแสผิดๆ หาเรื่องใส่ร้ายเขาไปทั่ว
พุทธะอิสระขอบอกอีกครั้งหนึ่งว่า
คนอย่างพุทธะอิสระพญาราชสีห์แห่งแจ้งวัฒนะ ไม่เคยไม่มั่นใจในสิ่งที่ตนกระทำเลย เพราะคิดอยู่เสมอว่า ตนเองเรียนมาน้อย ไม่ว่าจักทำ พูด คิด ทุกชนิด จักต้องค้นหาวิธีอันเลิศ แล้วเชื่อว่า ผลที่ประเสริฐจักเกิดตามมาเอง
พุทธะอิสระจะมั่วหรือไม่ ใจร่มๆ รอติดตามตอนต่อไป”
[fb_pe url=”https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/10156261240763446″ bottom=”30″]