หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม“รอง ผบ.ตร.” เผยพบผู้เสียหายถูกตัดเงินผ่านบัตรเครดิต-บัตรเดบิต หมื่นราย มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

“รอง ผบ.ตร.” เผยพบผู้เสียหายถูกตัดเงินผ่านบัตรเครดิต-บัตรเดบิต หมื่นราย มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 19 ตุลาคม 2564 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายหลังประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหากรณีการตัดเงินที่ผิดปกติ ผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของประชาชนจำนวนมาก ใช้เวลาในการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า การพูดคุยในวันนี้ได้พูดถึงเรื่องการป้องกันตัดโอกาสไม่ให้มีการกระทำผิดขึ้น รวมถึงการให้ความรู้ ประชาสัมพันธ์ไปในทุกช่องทาง เพื่อลดช่องโอกาสในการตกเป็นเหยื่อ โดยการบูรณาการร่วมกับทางธนาคาร และตำรวจที่รู้แผนการประทุษกรรมในเบื้องต้นตรวจพบมีผู้เสียหายจากผู้ใช้บัตรเครดิต 5,700 ราย ผู้ใช้บัตรเดบิต 4,800 ราย มีมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ทั้งนี้ทางธนาคาร ได้รับเป็นผู้เสียหายในกรณีนี้ โดยธนาคารต่าง ๆ จะมีการตรวจสอบความผิดปกติในการโอนเงินของบัญชีต่าง ๆ ควบคู่กับการรับแจ้งจากประชาชนที่ได้รับความเสียหาย เพื่อรวบรวมข้อมูลและหลักฐาน ส่งให้ตำรวจติดตามหาตัวคนร้ายต่อไป ทำให้ผู้เสียหาย ไม่ต้องเข้าแจ้งความกับตำรวจ แต่สามารถเข้าติดต่อธนาคารเจ้าของบัญชีได้โดยตรง ขณะเดียวกันจะมีการตั้งผู้ประสานงานระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น เชื่อมั่นว่า จะสามารถตามจับคนร้ายได้ แม้จะเป็นชาวต่างชาติ ก็มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือสัญญาต่างตอบแทน แต่เบื้องต้น ขอให้รู้ตัวคนร้ายให้แน่ชัดก่อน

ด้าน ตัวแทนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เปิดเผยว่า ทาง ปปง. มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก ทำให้สามารถร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารต่าง ๆ ตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน ย้อนกลับไปหาตัวคนร้ายได้

ขณะที่นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า  ระบบธนาคารมีความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งในส่วนของการเยียวยา กรณีที่ผู้เสียหาย ได้รับผลกระทบจากบัตรเดบิต จะได้รับการคืนเงินภายใน 5 วันทำการ ส่วนบัตรเครดิต ธนาคารจะยกเลิกรายการดังกล่าว ผู้เสียหายไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติ โดยทางธนาคาร พร้อมรับผิดชอบคืนเงินให้ผู้เสียหายทุกกรณี ซึ่งเมื่อธนาคาร ตรวจสอบพบความเสียหายแล้ว จะติดต่อกลับไปยังผู้เสียหาย เพื่อคืนเงินต่อไป

ขณะที่ นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  ยอมรับว่า กรณีนี้ คนร้ายใช้ช่องโหว่ของการอำนวยความสะดวกด้านการทำธุรกรรมทางการเงิน ในการซื้อขายสินค้าออนไลน์ สร้างความเสียหายเกิดขึ้น ซึ่งมีหลายวิธีการ จากการตรวจสอบพบแล้ว 5 วิธีการ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ทั้งหมด เพราะอาจเป็นการชี้ช่องให้มิจฉาชีพนำไปใช้ได้ โดยจากนี้ ทางธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารต่าง ๆ จะมีการปรับปรุงระบบให้ดีที่สุด

ด้านนายธวัช ไทรราหู ประธานชมรมตรวจสอบและป้องกันการทุจริต ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงข้อกังวลของประชาชนบางส่วน ที่อาจไม่เคยทำบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต แต่ถูกหักเงินในบัญชีไป โดยยืนยันว่า ไม่ได้เกิดจากแอปดูดเงินอย่างที่มีข้อกังวล ส่วนกรณีนี้ มีการนำข้อมูลของบัตรเครดิต และบัตรเดบิต ไปสร้างความเสียหายให้กับประชาชน โดยเฉพาะ บัตรเดบิต ที่มีการผูกไว้กับบัญชีเงินฝากของประชาชน เมื่อมีการถูกตัดเงิน จึงเกิดผลกระทบทันที แต่กรณีที่ผู้เสียหายไม่เคยผูกบัญชีไว้กับการใช้จ่ายใด ๆ นั้น ก็อาจได้รับผลจากการใช้บริการร้านค้าออนไลน์บางประเภทได้ เช่น การซื้อสติ๊กเกอร์ไลน์ผ่านร้านค้า, การเช่าเว็บไซต์ หรือ การได้สิทธิเข้าเล่นเกมรายครั้ง ซึ่งจากนี้ ต้องเดินหน้าให้ความรู้กับประชาชนมากขึ้น

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img