พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ (รอง.ผอ.ศป.ข.) โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ค ถึงกรณีกระแสต้านโครงการก่อสร้างบ้านพักตุลาการเชิงดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ โดยระบุว่า “มาเชียงใหม่ฝนตกเล่นกอล์ฟไม่ได้ ก็เลยแวบเข้าไปดูพื้นท่ีสร้างบ้านผู้พิพากษา(ไม่ได้ดูละเอียด) รู้สึกเสียดายเงินหลวงครับ จึงขอเสนอแนวทางใหม่ซึ่งน่าจะได้ผลประโยชน์ทั้งฝ่ายรัฐ และ กลุ่มผู้ต่อต้าน ซึ่งปัจจุบันเป็นฝ่ายถูกทั้งคู่ ผมเสนอให้เก็บบ้านไว้อย่างมีเงื่อนไข ดังนี้
(1) บริเวณถนนทางขึ้น ระดมปลูกต้นไม้มีรากแก้วขนาดสูง3เมตรขึ้นไปตลอดแนว (ห้ามตัดเด็ดขาด) แม้ต้นไม้จะแพงก็ต้องยอมซื้อมาปลูก
(2) บ้านพักศาลทุกหลังต้องปลูกต้นไม้บ้านละ2-3ต้น (ห้ามตัดเด็ดขาด และห้ามต่อเติมบ้านด้วย )
(3) บ้านรับรองรื้อทิ้งทั้งหมดให้ไปพักโรงแรมแทน เอาพื้นท่ีมาปลูกต้นไม้ ให้หมด
(4) พื้นท่ีรอบนอกบ้านพัก ปลูกต้นไม้ใหม่ทั้งหมดรวมทั้งปรับคันดินเสริมซิเมนต์กั้น ลงมาถึงรอยต่อท่ีติดกับบ้านพัก ทบ.ท่ีอยู่ข้างล่าง ไล่มาจนติดสวนสัตว์ ร้านอาหารในสวนสัตว์ของ นักการเมืองคนหนึ่ง แม้อยู่ในพื้นท่ีสวนสัตว์ก็ควรรื้อทิ้ง ปลูกต้นไม้แทน เพราะผิดจุดประสงค์ในการใช้ที่ดิน
(5) มีผู้ทักท้วงสำคัญว่า บ้านพักขวางทางลำน้ำแม่หยวก และ ลำน้ำแม่ทา ก็ทำทางรอดตรงส่วนท่ีขวาง ที่ปราจีนยังทำทางรอดเชื่อมป่าได้เลยครับ (ถ้าคิดจะทำ)
แค่นี้ก็จะได้ป่าคืนมาแยะกว่าเดิมหลายเท่าตัว บ้านผู้พิพากษาก็จะเย็นสบายท่ามกลางแมกไม้
รัฐบาลก็ไม่ต้องเสียงบประมาณมาก เสียแค่ 3 อย่างคือ (1) ต้นไม้ท่ีจะซื้อมาปลูกซึ่งน่าจะแพงพอควร ถ้าต้นสูงกว่า3เมตรขึ้นไป (2) ค่าดูแลต้นไม้ ไม่ให้ตายแบบขุดท่อแก็สแล้วปลูกต้นไม้ทับเหมือนสมัยก่อน และ (3) การทำสัญญาท่ีเป็นลายลักษณ์อักษร กับ กลุ่มผู้ประท้วงว่า พวกเขาต้องมีสิทธิเข้าไปดูงานบูรณะครั้งนี้ทุกขั้นตอน ตลอด10ปี.
แค่นี้เราจะได้พื้นท่ีป่าเพิ่มขึ้น2เท่าของท่ีเสียไป แต่ต้องมีข้อแมั4 อย่างคือ (1) ต้นไม้ต้องโตกว่า3เมตร ราคาแพงก็ต้องซื้อมาปลูก (2) ต้องจ้างคนดูแลอย่างน้อย5ปี และ (3) ต้องตั้งกลุ่มท่ีประท้วงเป็นกรรมการตรวจสอบว่าตรงกับเงื่อนไขหรือเปล่า และ (4) เสียเงินเพิ่มอีกประมาณ100ล้าน เป็นค่าต้นไม้,ค่าแรงงาน ค่าดูแล ท่ีรัฐบาลต้องออก แลกกับเงิน1000ล้าน และ เวลาท่ีเสียไป ดีไหมครับ”
[fb_pe url=”https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1830749543643391&id=156986581019704″ bottom=”30″]