กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด(มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.90-31.30 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ 31.06 ต่อดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 7.7 พันล้านบาทและ 1.4 พันล้านบาทตามลำดับ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์กรุงศรีมองว่าตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกของสหรัฐฯรวมถึงท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์หลังจากตลาดเริ่มมีความหวังเกี่ยวกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของสหรัฐฯและอาการป่วยของทรัมป์ที่เริ่มดีขึ้นช่วยลดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวว่าเศรษฐกิจจะเผชิญกับความเสี่ยงหากไม่สามารถควบคุม COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฟดเรียกร้องให้รัฐบาลใช้มาตรการด้านการคลังเพื่อเยียวยาธุรกิจและครัวเรือนอนึ่งการคาดการณ์ที่ว่านายไบเดนอาจชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. และพรรคเดโมแครตอาจได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ (Blue Wave) จะนำไปสู่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่โดยตลาดเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ในระยะถัดไปขณะที่ในระยะสั้นตลาดสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียอาจเคลื่อนไหวผันผวนหลังธนาคารกลางจีนประกาศช่วงต้นสัปดาห์นี้ว่าจะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงินในการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า (Forward) สกุลเงินต่างประเทศซึ่งตลาดมองว่าเป็นมาตรการชะลอการแข็งค่าของเงินหยวนนอกจากนี้ตลาดยังให้ความสนใจความคืบหน้าการเจรจา Brexit ก่อนประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป (European Council Summit) ในวันที่15-16 ตุลาคม2563
สำหรับปัจจัยภายในประเทศนักลงทุนจะจับตาอุณหภูมิทางการเมืองเป็นสำคัญด้านศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศขณะที่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 23 ก.ย. บ่งชี้ว่ากนง.เห็นควรให้รักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดไว้ใช้ในจังหวะที่เหมาะสมเพื่อประสิทธิผลสูงสุดส่วนการลดดอกเบี้ยนโยบายลงจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในปัจจุบันอาจมีประสิทธิผลไม่มากนักนอกจากนี้ผู้ดำเนินนโยบายยังเห็นว่าควรเร่งสร้างสมดุลของเงินทุนเคลื่อนย้ายเพื่อลดแรงกดดันต่อการแข็งค่าของเงินบาทต่อไป

