นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เผยแพร่คำแถลงการณ์ เรื่อง กรณีภาคทัณฑ์พกส.สภ.ทองผาภูมิ สะท้อนความล้มเหลวของการปฏิรูปตำรวจ โดยระบุว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ถูกคำสั่งสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิที่ 37/2561 เรื่อง ลงโทษภาคทัณฑ์ ภายหลังจากที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ออกมาสั่งการให้พนักงานสอบสวน พิจารณาเจตนารมณ์ของผู้ที่แจ้งความในข้อหาทารุณกรรมสัตว์ว่ามีเจตนากลั่นแกล้ง หรือมีจุดประสงค์อื่นหรือไม่ หลังจากที่หัวหน้าด้านกักสัตว์กาญจนบุรี ได้ถอนแจ้งความดำเนินคดีกับนายเปรมชัยไว้ว่าไม่สามารถเอาผิดกับนายเปรมชัยได้ เนื่องจากไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ในมาตรา 3 ที่ระบุว่า “สัตว์” ยังไม่ได้หมายความรวมถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ แต่อย่างใดนั้น
การแจ้งความหรือถอนแจ้งความเป็นเรื่องปกติของประชาชนกับร้อยเวรรับแจ้งความ ซึ่งมีเกิดขึ้นทุกวันทั่วประเทศ ไม่ใช่สาระสำคัญของการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน ที่จะต้องถึงขนาดมีคำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวน ถ้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเคร่งครัดในวินัยและการปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้อย่างจริงจัง ทำไมคดีความทั่วประเทศที่ประชาชนไปถอนแจ้งความในลักษณะเดียวกันนี้ พนักงานสอบสวนทั่วประเทศจึงไม่ถูกลงโทษภาคทัณฑ์เยี่ยงกรณีนี้ด้วย แต่ทำไมจึงมีคำสั่งเฉพาะแต่กรณีที่ รอง.ผบ.ตร.ออกมากล่าวถึงกรณีของนายเปรมชัยนี้เท่านั้น ทั้ง ๆ ที่พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ หรือที่อื่น ๆ ทั่วประเทศอาจจะตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้แจ้งความมีความประสงค์ เพราะหากเมื่อสอบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงสรุปสำนวนส่งอัยการแล้ว ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของอัยการจะพิจารณาเองว่ามูลคดีเพียงพอที่จะสั่งฟ้องในข้อหาดังกล่าวได้หรือไม่ การที่ สภ.ไกลปืนเที่ยงหรือต่างจังหวัด ต้องสนองรับเพียงคำกล่าวเปรยของ รอง ผบ.ตร.ที่นั่งอยู่ส่วนกลาง ถือว่าเป็นการทำลายขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งทั่วประเทศได้ชัดเจนยิ่ง ซึ่งมีอีกหลายกรณีที่ตำรวจน้ำดีต้องถูกแป๊ก ถูกดอง เหตุเพราะไม่มีเส้นสาย ไม่ได้มีเครือญาติเป็น กตร. เป็นผู้บังคับบัญชา หรืออดีตผู้บังคับบัญชา ก็ต้องถูกโยกย้ายไปอยู่ไกลปืนเที่ยง แม้จะมีผลงานและความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่เพียงใดก็ตามดังเช่น กรณีของ สารวัตรแรมโบ้ (พ.ต.อ.สุรโชค เจษฏาเดช ผู้กำกับสืบสวน จว.อำนาจเจริญ) เป็นต้น
ดังนั้น กรณีการลงโทษภาคทัณฑ์ พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการปฏิรูปตำรวจที่ล้มเหลวได้ชัดเจนยิ่ง ซึ่งถึงเวลาแล้วที่จะต้อง “แยกพนักงานสอบสวนออกมาจาก สนง.ตำรวจแห่งชาติ แล้วให้ไปขึ้นอยู่กับกระทรวงยุติธรรม” เพื่อที่จะได้มีความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ต้องมาคอยรอตอบสนองการสั่งซ้ายหันขวาหันจากผู้บังคับบัญชาในระบบเก่าๆของ สนง.ตำรวจแห่งชาติ และจะเป็นการถ่วงดุลในการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนได้ดีกว่าระบบที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วย และหากการแยกอำนาจการสอบสวนให้เป็นอิสระไม่เกิดขึ้น กรณีคดีความล่าสัตว์ในทุ่งใหญ่นเรศวรก็จะล้มเหลว การปฏิรูปตำรวจก็จะล้มเหลว และในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หน.คสช.และนายกรัฐมนตรี ก็จะล้มเหลวต่อการทำรัฐประหารในครั้งนี้อีกด้วย