กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.บก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.วิศิษฐ์ พลบม่วง, พ.ต.ท.สมบัติมีมงคล, พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส, พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร รอง ผกก.2.บก.ป.
พ.ต.ท.กรกช ยงยืน สว.กก.2.บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 3.กก.2.บก.ป.
ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายสุรสิทธิ์ กิตติวัฒนศิลป์ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา
ที่ 216/2550ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2550 ข้อหา “พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย เพื่อการอนาจาร”
จับกุมได้ หน้าบริษัทแห่งหนึ่ง ถ.กาญจนาภิเษก แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
ด้วย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการสืบสวนติดตามจับกุม นายสุรสิทธิฯ ซึ่งเป็นผู้ต้องหามีหมายจับในข้อหาพรากผู้เยาว์ฯ ของศาลจังหวัดนครราชสีมา หลังหลบหนีคดีมาเป็นเวลายาวนานถึง 13 ปี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าปัจจุบัน
นายสุรสิทธิ์ ฯ ได้หลบหนีมาทำงานอยู่บริเวณสถานที่จับกุม จึงได้ออกหาข่าวและวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์
ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มี.ค.2550 เวลาประขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ภายในพื้นที่นั้น ได้พบนายสุรสิทธิ์ฯ และทำการจับกุม
นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถาม นายสุรสิทธิ์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การเพิ่มเติมว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นมาเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ตนได้รักใคร่ชอบพอกับนางสาวเอ (นามสมมุติ) ซึ่งผู้ใหญ่ของทางฝ่ายหญิงไม่เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะนางสาวเอ อายุยังน้อย จึงให้เลิกคบกัน และบอกอีกว่าถ้าตนไม่เชื่อฟัง ดื้อดึงที่จะคบหากันก็จะไปแจ้งความข้อหาพรากผู้เยาว์ฯ ถึงกระนั้นตนก็ยังไม่ฟังและได้พานางสาวเอ มาอยู่กินด้วยกัน พอทราบข่าวว่าทางผู้ใหญ่ของนางสาวเอ แจ้งความจริงๆ ตนก็เลยได้หลบหนีไปและใช้ชีวิตเรื่อยมาเป็นเวลากว่าสิบปี ซึ่งตนคิดว่าคงไม่มีใครตามได้แล้วและคดีก็จะหมดอายุความในปีหน้า