หน้าแรกกระบวนการยุติธรรมกองปราบรวบ​ หนุ่มอ้างเป็นเซียนพระ ​ปล่อยเช่าเหรียญหลวงพ่อหลิวผ่านเฟสบุ๊ค ​ เหยื่อหลงเชื่อ โอนเงิน​มัดจำให้ก่อน ปิดเฟสบุ๊คหนีหาย

กองปราบรวบ​ หนุ่มอ้างเป็นเซียนพระ ​ปล่อยเช่าเหรียญหลวงพ่อหลิวผ่านเฟสบุ๊ค ​ เหยื่อหลงเชื่อ โอนเงิน​มัดจำให้ก่อน ปิดเฟสบุ๊คหนีหาย

21 มค.2563   กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.๑ บก.ป., พ.ต.ท.พิเชฐ จันทร์ขำ, พ.ต.ท.ศราวุธ จันต๊ะวงค์,  พ.ต.ท.ภัทรพล ปัทมวงศ์, พ.ต.ท.อลงกต คชแก้ว, พ.ต.ท.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.พลวุฒิ ผาตินุวัติ สว.กก.1.บก.ป.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม

ได้ร่วมกันจับกุม นายวีรพงษ์ พงษ์กอปรสกุล อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาครที่ 398/2562 ลงวันที่ 15 ต.ค.62 โดยกล่าวหาว่า “ฉ้อโกง”

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.61 นายวีระพงษ์ฯ ผู้ต้องหาได้สร้างเฟสบุ๊คขึ้นมา แล้วเข้าไปเป็นสมาชิกกลุ่มเฟสบุ๊คชมรมพระเครื่องหลวงปู่หลิว โดยอ้างตัวเป็นเซียนพระและประกาศปล่อยเช่าพระเครื่องหลวงปู่หลิว รุ่นปี 37 จำนวน 2 เหรียญ ในราคารวม 10,000 บาท ต่อมามีผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงตกลงโอนเงินค่ามัดจำพระเครื่องจำนวน 5,500 บาท ไปยังบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา หลังจากนั้นผู้ต้องหาได้นัดหมายให้มารับสินค้าพร้อมกับจ่ายเงินส่วนที่เหลือ แต่เมื่อถึงกำหนดนัด ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อกับผู้ต้องหาได้ และถูกผู้ต้องหาบล็อคเฟสบุ๊ค พร้อมกับปิดเฟสบุ๊คหนี ผู้เสียหายจึงเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาล เพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมา เมื่อวันที่ 20 มค.2563  เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. สืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหา ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 6 ต.ทัพหลวง อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม จึงเดินทางไปตรวจสอบและเฝ้าสังเกตการณ์ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพบตัวผู้ต้องหาจึงได้เข้าไปจับกุม และนำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน เพื่อดำเนินคดี

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นปี 60 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน มีผู้เสียหายประมาณ 70 – 80 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 700,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหาจะใช้วิธีการลักษณะเดียวกัน โดยจะสร้างเฟสบุ๊คที่ไม่ซ้ำกับชื่อเดิม และจะส่งภาพสินค้าที่ตนประกาศชาย, บัตรประจำตัวประชาชนของตน และภาพสมุดบัญชีธนาคารชื่อตน ให้เหยื่อดู เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ หากมีเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีแล้ว ผู้ต้องหาจะบล็อกเฟสบุ๊คของเหยื่อ พร้อมปิดเฟสบุ๊คของตนเองทันที  โดยเงินที่ได้จากการก่อเหตุ ผู้ต้องหาจะนำไปใช้จ่ายกินเที่ยวต่างๆ

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า ผู้ต้องหาเคยถูกจับกุมในความผิดฐาน “ฉ้อโกง” มาแล้วเมื่อวันที่ 24 เม.ย.62 และยังพบอีกว่ามีผู้เสียหายจำนวนมากโพสต์ประจานและประกาศตามตัวผู้ต้องหาในเว็บไซต์ประกาศเตือนภัยกลุ่มมิจฉาชีพที่มีลักษณะการก่อเหตุหลอกขายของออนไลน์ (www.blacklistseller.com)


 

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img