พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าว เมื่อถูกถามถึงประเด็นที่มีกระแสข่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาล คสช. พยายามเดินหน้าทางการเมืองแบบวาระซ้อนเร้น จากการหาเสียงสนับสนุนจากนักการเมืองท้องถิ่น และการเข้าควบคุมพรรคการเมือง โดยพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ให้ความเห็นว่า ในระบอบประชาธิปไตยก็ต้องใช้เสียงข้างมาก เพราะฉนั้นพลเอกประยุทธ์ ก็พยายามรวมกลุ่มถึงแม้จะดีจะเลว เพื่อพยายามให้มี ส.ส. ในมือมากที่สุด อันนั้นเป็นเรื่องปกติของรัฐบาลประชาธิปไตย หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี หรือคุณบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปหา สมชาย คุณปลื้ม หรือ กำนันเป๊าะ ที่ชลบุรีมันเป็นเรื่องปกติของระบบประชาธิปไตย แต่รัฐบาลนี้ยึดอำนาจมา หรือพูดตรงๆว่าปล้นมา ถ้าถามว่ายึดอำนาจมาผิดกฏหมายหรือไม่ มันก็ผิดถือว่าเป็นกบฏ ถ้าบอกว่ายึดอำนาจถูกกฏหมาย อย่าขอพระราชทานอภัยโทษ
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อไปว่า พลเอกประยุทธ์ ควรจะวางตัวเป็นกลาง ออกระเบียบและกฏหมายมา แล้วจัดการเลือกตั้ง ให้เกิดความเรียบร้อยบริสุทธิ์ และยุติธรรม เพื่อให้คนดีเข้ามาบริหารบ้านเมืองตามที่ พลเอกประยุทธ์ พูดและต้องการ รัฐบาลปกติอยู่ไม่ถึง 4 ปี พลเอกประยุทธ์ ปล้นมาจนอยู่มาจะ 4 ปี ซึ่งพลเอกประยุทธ์ ก็พยายามสืบทอดอำนาจต่อ ตั้งแต่เขียนรัฐธรรมนูญ โดยให้มี ส.ว. มาจากการลากตั้ง ที่มี่สิทธิ์มาเลือกนายกรัฐมนตรีมาจากคนนอกได้ ตอนทำประชามติ ก็โกงทุกวิธีทางเพื่อให้รัฐธรรมนูญผ่าน โดยที่พลเอกประยุทธ์ ก็ปฏิเสธมาตลอดว่า ตนไม่ใช่นักการเมือง ซึ่งเป็นการแหกตาหลอกประชาชนไปเรื่อยๆ
“แล้วก็มีเพลงมาหลอก ขอเวลาไม่นาน จะคืนความสุขอย่างงู้นอย่างงี้ ไม่นานของมันหมายความว่าไง นี่ 4 ปีแล้ว” พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าว
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า จะรวมกลุ่มไหนบ้างตนไม่รู้ แต่เห็นที่พลเอกประยุทธ์ ไปหาก็มี พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา กลุ่มมัชฌิมา พรรคภูมิใจไทย ตอนนี้ก็ไปนครปฐม ส่วนกำนันเป๊าะ ใหญ่กว่าตระกูลสะสมทรัพย์ขนาดไหน ขณะที่ตนปฏิบัติหน้าที่อยู่ชลบุรี ยังถือว่ามีหน้าที่เป็นตำรวจปราบผู้มีอิทธิพล นายกรัฐมนตรี อดีตกรมอธิบดีตำรวจไปหา ตนยังล่อกำนันเป๊าะเลย ทั้งที่ตอนนั้นทั้งจังหวัดเป็นของกำนันเป๊าะหมด รวมถึงศาล อัยการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ทหาร ข้าราชการ ทุกทบวงกรมเป็นหมด ขณะนั้นตนเป็นแค่พันตำรวจเอก ยังไม่ยอม แต่พลเอกประยุทธ์ เป็นถึงหัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี ต้องถึงขนาดเดินทางไปหาผู้มีอิทธิพล ที่แต่ก่อนเคยถูกพลเอกประยุทธ์ สั่งค้นบ้าน เพื่อขอมาอยู่ด้วยหรืออย่างไร จากพฤติกรรมที่พลเอกประยุทธ์ เดินทางไปในหลายที่ มันค่อนข้างที่จะชัดเจน ว่าพลเอกประยุทธ์กำลังทำเหมือนนักการเมืองเดิมๆ ควบคุมแก๊งค์ต่างๆ เพื่อให้มาสนับสนุนตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี ภาพที่ปรากฏมามันฟ้องอยู่แล้ว โดยเฉพาะล่าสุดที่พลเอกประยุทธ์ สั่งพักโทษกำนันเป๊าะ มันยิ่งส่อใหญ่ ว่าพลเอกประยุทธ์จะเอาพรรคพลังชล มาอยู่ด้วย
เมื่อถูกถามว่า พลเอกประยุทธ์จะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองได้หรือไม่ “ก็ไม่เป็น ไอ้พวกนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ถ้าเป็นลูกผู้ชายก็ต้องลงมาเล่นการเมืองตรงๆ สิ นี่เป็นอีแอบอยู่ข้างหลัง” พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าว
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าวด้วยว่า การที่พลเอกประยุทธ์ จะตั้งคนอื่นเป็นนอมินี อย่างเช่นให้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป และอดีตสมาชิกวุฒิสภา ไปตั้งพรรคการเมือง และการจัดตั้งอีกหลายพรรคเล็ก เพื่อรวมคะแนนกันมาสนับสนุนตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี โดยที่พรรคประชาธิปัตย์อาจจะเข้าร่วมด้วย ซึ่งถ้าพรรคประชาธิปัตย์ที่มีประวัติมายาวนานถึง 60 – 70 ปี ไปเข้าร่วมกับพลเอกประยุทธ์ จะถือว่าเลวเต็มที เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ต้องยืนหยัดในเรื่องของความเป็นประชาธิปไตย ต้องไม่ร่วมกับทหาร
ในกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พรรคการเมืองหลายพรรค เชิญชวน พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ไปเข้าร่วมพรรคด้วย พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ถ้าตนไปอยู่พรรคประชาธิปัตย์ คนก็จะมองว่าตนเป็นฝ่ายเหลือง ถ้าตนไปอยู่พรรคเพื่อไทย คนก็จะมองว่าตนเป็นฝ่ายแดง แล้วเหลืองกับแดงก็ทะเลาะกัน เพราะฉนั้นตนคิดว่า ตนควรจะเป็นตัวของตัวเอง แล้วก็พยายามที่จะรวมเหลืองแดงให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อมาพัฒนาประเทศชาติให้ได้
จากกรณีพลเอกประยุทธ์ ยืนชี้หน้าด่าว่านักการเมืองเลวมาตลอด และถามผู้สื่อข่าวว่า ถ้าเลือกตั้งเร็วขึ้น แล้วได้นักการเมืองแบบเลวๆ แบบเก่ามาแล้วจะทำอย่างไร “หมายความว่าตัวคุณดีใช่หรือไม่ แล้วนักการเมืองเลวทั้งนั้นใช่หรือไม่ ถ้าตัวคุณดีแล้วคุณทำทำไมอย่างนี้ คุณก็เลวไม่ใช่พอกับนักการเมือง แต่ยิ่งกว่านักการเมืองด้วยซ้ำไป เพราะการรวมคนพวกนี้ของพรรคการเมือง เป็นเรื่องปกติ แต่คุณมายึดอำนาจแล้วคุณมาทำแบบเค้าเนี้ย ถือว่าเลวกว่าเค้า” พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าว
ที่มา: บทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม