ที่ กองปราบปราม นายสุบัน สุวรรณรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังปวงชนไทย (พลท.) เขต 4 จังหวัดสงขลา พร้อมด้วย นายนพดล เอมบัณฑิตย์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังปวงชนไทย(พลท.) เขต 4 จ.สุพรรณบุรี อดีตประธานสภา อบต.องค์พระ จ.สุพรรณบุรี และกลุ่มผู้สมัครส.ส.พรรคพลังปวงชนชาวไทย กว่า 50 ราย เดินทางเข้าพบ พันตำรวจโท ภูมิรพี สังข์ทอง รองผู้กำกับการสอบสวน กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม (รองผกก.สอบสวน กก.2 บก.ป.) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกรรมการบริหารพรรคพลังปวงชนไทย (พลท.) ในฐานความผิดฉ้อโกง หลังหลอกให้สมัครเป็นสมาชิกพรรคฯ สัญญาว่าจะให้ค่าใช้จ่ายสำหรับหาเสียงรายละ 1.5 ล้านบาท แต่ลูกพรรคต้องสำรองค่าใช้จ่ายดำเนินการเองทั้งหมดก่อน แต่พอเลือกตั้งเสร็จกลับไม่ได้เงินตามที่ตกลงกันไว้
นายสุบันฯ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากทางกรรมบริหารพรรคฯ ได้ชักชวนให้ตนและผู้เสียหาย ซึ่งมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ ร่วมสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯ รวมทั้งให้ลงสมัคร ส.ส.สังกัดพรรคพลังปวงชนไทย ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยยื่นข้อเสนอว่า หากมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯ จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยทางพรรคฯ จะออกค่าใช้จ่ายให้คนละ 1.5 ล้านบาท เป็นงบประมาณตามที่ กกต. กำหนด แต่กลายเป็นว่า ลูกพรรคทั้งหมด 269 ราย ที่ลงรับสมัครตำแหน่ง ส.ส.เขตทั่วประเทศ ต้องนำเงินส่วนตัวสำรองจ่ายก่อน แต่เมื่อทวงถามไป ทางพรรคฯก็บ่ายเบี่ยงอ้างว่าจะชดเชยคืนให้เรื่อยมา จนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครได้รับเงินคืน หรือคืนไม่ครบตามวงเงินที่กำหนด ทั้งที่ทาง กกต.ได้มอบเงินสนับสนุนพรรคกว่า 30 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามตนและลูกพรรคฯ บางส่วน เคยไปร้องเรียนกับคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ร้องขอให้ยุบพรรค พลม.เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคผิดสัญญา
สอดรับกับทางนายนพดล เอมบัณฑิตย์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังปวงชนไทย (พลท.) เขต 4 จ.สุพรรณบุรี อดีตประธานสภา อบต.องค์พระ จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกิดความเสียหาย ผู้สมัคร ส.ส.เขตทั่วประเทศ บางรายต้องลาออกจากอาชีพเดิมที่ทำอยู่ เพื่อให้มีคุณสมบัติตรงตามระเบียบคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ที่กำหนดไม่ให้ผู้สมัครเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. ดำรงตำแหน่งหรือประกอบอาชีพอื่นๆ และออกเงินค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งเองจนเป็นหนี้สิน ขณะที่ ที่ทำการพรรคสาขา จ.สุพรรณบุรี ได้รับผลกระทบเพราะสมาชิกไม่สามารถรวบรวมเงินมาจ่ายค่าเช่า และยังถูกตัดไฟจนต้องปิดตัวลง อย่างไรก็ตามการรวมตัวครั้งนี้ไม่ใช่มติของทางพรรคฯ แต่เดินทางมาด้วยความสมัครใจไม่มีใครชี้นำ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่าตัวแทนพรรคฯประจำสาขา จ.สุรินทร์ และอื่นๆ ได้แจ้งความร้องทุกข์กับโรงพักในท้องที่เรียบร้อยแล้ว โดยต่อจากนี้ทางเราจะเดินทางไปยังที่ทำการ กกต. เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนต่อไป ทั้งนี้หากทางพรรคถูกทาง กกต.วินิจฉัยให้ยุบพรรคฯ ทางเราพร้อมยอมรับความจริงและขั้นตอนของกฎหมาย เพราะเรายังมีหลักฐานการฉ้อโกงของกรรมการบริหารพรรคด้วย
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนรับเรื่องร้องทุกข์ไว้พร้อมสอบปากคำผู้แจ้งความ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานและรายงานเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้มีรายงานว่าขณะที่กลุ่มผู้เสียหายกำลังแจ้งความ นายประเทศ ทับทิมหิน รองหัวหน้าพรรคฯ ได้เดินทางมาเพื่อเจรจา โดยระบุว่า ทางพรรคยังไม่ได้รับเงินสนับสนุนจาก กกต. ตามที่อดีตผู้สมัครบางส่วนกล่าวอ้าง เป็นความเข้าใจผิด ส่วนกรณีที่สมาชิกพรรคเปิดเผยภาพนายนิคม ไปเข้าพบกับ นายทักษิณ นั้นเป็นภาพเก่ากว่า 10 ปีแล้ว ไม่ใช่ภาพปัจจุบัน ซึ่งนายนิคม มีความสนิทสนมกับนายทักษิณ และชอบไปทำบุญร่วมกัน ต่อจากนี้ทางพรรค เตรียมที่จะแจ้งความดำเนินคดีกลับฐานแจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาททำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อไป
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง