กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.50-31.90 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 31.76 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยมูลค่า 7.1 พันล้านบาท และ 6.3 พันล้านบาท ตามลำดับ ส่วนเงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเงินยูโรแตะระดับอ่อนค่าสุดนับตั้งแต่กลางปี 2560 หลังธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปจนถึงปี 2563 และเสนอมาตรการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำรอบใหม่แก่ธนาคารพาณิชย์เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ยูโรโซนเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงด้านมาตรการกีดกันทางการค้า ความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit และปัญหาหนี้สินของอิตาลี
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะให้ความสนใจข้อมูลยอดค้าปลีกและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ การโหวตแนวทาง Brexit ในรัฐสภาสหราชอาณาจักร รวมถึงการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าแม้ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ จะอ่อนแอลงมากแต่ค่าจ้างเติบโตสูงกว่าคาดและอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปี ที่ 3.8% โดยการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์อาจเป็นไปอย่างจำกัดแม้มีข้อมูลสนับสนุนว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
สำหรับปัจจัยในประเทศธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าตั้งแต่ต้นปีนี้ เงินบาทแข็งค่าขึ้นโดยมีสาเหตุหลักมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ขณะที่ในภาพรวม เงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับสกุลเงินตลาดเกิดใหม่และประเทศเพื่อนบ้าน โดยการแข็งค่าและความผันผวนของเงินบาทอยู่ในระดับกลางๆ อนึ่ง ธปท.กล่าวว่าได้เข้าดูแลตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิดในบางช่วงที่เงินบาทแข็งค่าเร็วและไม่สอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจ โดยในระยะถัดไปทางการประเมินว่าเงินบาทยังมีแนวโน้มผันผวนตามเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก เรามองว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวลักษณะย่ำฐานในช่วงสั้นๆ ตามปัจจัยค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่รอดูสัญญาณจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 20 มีนาคมและความชัดเจนทางการเมืองหลังการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม