วันที่ 28 ธ.ค.68 ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ นายกัณวีร์ สืบแสง หัวหน้าพรรคพลวัต เปิดเผยภายหลังจับได้ หมายเลข 7 สำหรับผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ว่า “ดี จำง่ายดี คิดว่าไม่ว่าหมายเลขอะไร ทุกพรรคการเมืองสำคัญ มีหน้าที่คือการเอานโยบาย การแก้ไขปัญหาให้ประชาชนรับทราบ การหาเสียงนับจากนี้สำคัญที่เบอร์ 7 พรรคพลวัต ที่จะเพิ่มเป็น 7 เสาหลัก ที่เน้นสิทธิประชาชน เราจะไม่เพิกเฉย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นายกัณวีร์ เปิดเผยว่า ได้ส่งผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ จำนวน 24 คน โดยตนเป็นผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ อันดับ 1 ซึ่งทุกคนเป็นคนที่สามารถทำงานได้จริง เพราะพรรคพลวัตเป็นนักปฏิบัติที่ขอโอกาสประชาชนทำงานได้ทันที และเสนอชื่อตน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว
“แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เสนอชื่อผม เพียงคนเดียว ผมเป็นประชาชนคนหนึ่งที่เห็นว่าประเทศนี้ต้องขับเคลื่อน เสนอสิ่งใหม่มาได้ มั่นใจว่าถ้าประชาชนเลือกเรามากพอ เราพร้อมจะทำหน้าที่บริหารประเทศครับ”
ส่วน สส.แบบแบ่งเขต พรรคพลวัต ส่งรวม 65 เขต เพราะมีข้อจำกัดด้านเวลา แนวโน้มปักหมุดให้ได้ อย่างที่เน้นใน จ.นนทบุรี ปริมณฑล และปักหมุดจังหวัดชายแดน เพราะมีนโยบายจังหวัดจัดการตนเอง การกระจายอำนาจ รวมถึงการแก้ไขปัญหาชายแดนทั้งไทย-กัมพูชา และมลพิษข้ามพรมแดน
ภายหลังได้หมายเลข 7 นายกัณวีร์ สืบแสง หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายสุรพันธ์ ไวยากรณ์ รองหัวหน้าพรรคฯ นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล เลขาธิการพรรคฯ และนายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล ผู้สมัครสมาชิกราษฎรแบบบัญชีรายชื่อฯ ได้ขึ้นรถแห่หาเสียงในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งที่อนุสาวีรย์ประชาธิปไตยและไปที่ย่านสยาม เพื่อหาเสียงกับคนกรุงเทพด้วย
นายกัณวีร์ ได้เปิดเผยนโยบายของพรรคพลวัต แบ่งเป็นนโยบายเป็น 3 หัวข้อ ประกอบด้วย เชื่อมโลก ที่จะใช้การทูตเชิงรุกแก้ปัญหาที่ต้นตออยู่นอกประเทศ ทั้งสแกมเมอร์-ทุนเทา ความมั่นคงชายแดน มลพิษข้ามแดน กำแพงภาษี และยืนหยัดจุดยืนไทยบนเวทีโลก สร้างโอกาสไทย “กระจายอำนาจ” เริ่มพื้นที่ยุทธศาสตร์ชายแดน-ชายฝั่ง ให้ท้องถิ่นมีรายได้พัฒนาพื้นที่จริง ยกระดับคนด้วยทักษะอาชีพมาตรฐานสากลและการบ่มเพาะผู้ประกอบการ-เศรษฐกิจชุมชนผ่าน Community Lab/ทุนตั้งต้น รวมถึงเปิด Creative Space ให้ทุกความคิดสร้างสรรค์เติบโต ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โอบอุ้มคนที่ถูกมองข้ามด้วยสวัสดิการที่เข้าถึงได้จริง แรงงานนอกระบบ ผู้สูงอายุ ผู้ต้องขัง ผู้หญิงและผู้มีความหลากหลายทางเพศ ให้เข้าถึงสิทธิ ความปลอดภัย และศักดิ์ศรีเท่าเทียม
นายกัณวีร์ สืบแสง กล่าวทิ้งท้ายว่า ตลอดระยะเวลา 12 ปี ในการทำงานองค์กรระหว่างประเทศและความเชี่ยวชาญด้านการแก้ปัญหาในสถานการณ์วิกฤต กับความตั้งใจในการเข้ามาทำงานการเมืองที่ต้องการที่จะแก้ไขปัญหา และการเป็นตัวแทนประเทศไทยที่ได้รับเลือก ในฐานะกรรมาธิการว่าด้วยการส่งเสริมการเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ของสมัชชาสหภาพรัฐสภา (IPU)
“วันนี้ผมและพรรคพลวัต เบอร์ 7 พร้อมแล้วขออาสามาเป็นผู้ปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขช่องว่างในการพัฒนาประเทศไทยครับ” นายกัณวีร์ กล่าวย้ำ
