มหาวิทยาลัยพะเยา, วันที่ 20 ธันวาคม – นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดงานการบูรณาการการใช้ข้อมูลเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัย โดยมี นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง ปลัด พม. นายกิตติ อินทรกุล รองปลัดพม. และคณะผู้บริหาร พร้อมด้วย นางสาวอรอาภา โล่ห์วีระ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา , ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา , คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยพะเยา , ผู้บริหารท้องถิ่น , หน่วยงานทีม พม.ใกล้คุณ จังหวัดพะเยา และ ผู้แทนภาคีเครือข่ายท้องถิ่น เข้าร่วมงาน

นายอัครา กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้ พม. เป็นเจ้าภาพในการบูรณาการข้อมูล จึงได้จัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ 15 กระทรวง 14 หน่วยงานขึ้นตรง เพื่อบูรณาการฐานข้อมูล ผู้สูงอายุ คนพิการ และกลุ่มเปราะบางจากทุกภาคส่วน ให้เป็นระบบเดียวกัน (One Data : All Right) ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมายอย่างรวดเร็ว และได้ลงนาม MOU การบูรณาการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัยทั่วไทย กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) รวมทั้ง 3 สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย “พม.ใกล้คุณ” ซึ่งจำเป็นต้องอาศัย “ข้อมูล” เป็นเข็มทิศนำทางในการนำไปสู่การแก้ไขปัญหาทางสังคมและการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางอย่างตรงจุด และทันท่วงที

นายอัครา กล่าวว่า กระทรวง พม. ได้ออกแบบระบบวิเคราะห์ประมวลผลกลาง โดยมี ระบบสมุดพกครอบครัวอิเล็กทรอนิกส์ (MSO-LOGBOOK) และดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ 9 มิติ มาใช้เป็นการชี้เป้าสถานการณ์การพัฒนาจังหวัด เชื่อมโยงกับความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด โดยเป็นกรอบแนวทางในการยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตที่มั่นคงให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และสะท้อนบริบทของสถานการณ์ทางสังคมที่กว้างขวางมากกว่าปัญหาของกลุ่มเปราะบาง ช่วยให้ อปท. สามารถเรียกดูรายงานสถานการณ์ และจัดลำดับความสำคัญของปัญหาทั้งเชิงกลุ่มเป้าหมายและบริบทของพื้นที่ เพื่อนำข้อมูลไปกำหนดนโยบายเพื่อเตรียมการรองรับสถานการณ์ , การจัดสวัสดิการแบบมุ่งเป้าที่แม่นยำและสอดคล้องกับสถานการณ์ และจัดทำข้อเสนอการพัฒนาจังหวัดต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
นายอัครา กล่าวว่า ความสำเร็จของการบูรณาการข้อมูลนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดการขับเคลื่อนจากหน่วยงานในระดับพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด เมื่อเราใช้ข้อมูลเป็นเครื่องมือในการคัดกรอง คุ้มครอง และส่งต่อความช่วยเหลือที่ถูกต้อง ไปยัง “หน่วยงานใกล้ตัว” อย่างทันท่วงที ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการและสิทธิสวัสดิการ และได้รับการช่วยเหลืออย่างตรงกับความต้องการ ครอบคลุม และครบถ้วน ทั้งนี้ การประชุมวันนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างความเข้าใจร่วมกัน และเกิดการใช้ประโยชน์ข้อมูลด้านสังคมอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกช่วงวัย และลดจำนวนกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ให้หลุดพ้นจากความเปราะบางได้ในที่สุด

