อินดอร์หัวหมากเดือด! นักตบหนุ่มไทยคืนฟอร์มยักษ์ ล้มแชมป์เก่าอินโดนีเซีย 3 สมัยซ้อน ในแมตช์ 5 เซ็ตสุดมันส์ ปิดฉากการรอคอย 8 ปี คว้าเหรียญทองซีเกมส์ พร้อมสร้างประวัติศาสตร์ดับเบิ้ลแชมป์ชาย–หญิงในบ้านตัวเอง

การรอคอย 8 ปีสิ้นสุดลงอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อทีมวอลเลย์บอลชายทีมชาติไทย ระเบิดฟอร์มแกร่ง เอาชนะทีมชาติอินโดนีเซีย แชมป์เก่า 3 สมัยซ้อน ไปแบบสุดระทึก 3-2 เซ็ต 25-20, 16-25, 25-23, 23-25 และ 15-13 คว้าเหรียญทองวอลเลย์บอลชาย ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ณ อินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก เมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ “นักตบลูกยางหนุ่มไทย” กลับมาครองแชมป์ซีเกมส์ได้อีกครั้งเป็นสมัยที่ 9 หลังครั้งล่าสุดทำได้เมื่อปี 2017 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และยังเป็นการล้างตาอินโดนีเซียในนัดชิงได้สำเร็จ ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มของแฟนกีฬาชาวไทย
เกมนี้ นภาเดช พินิจดี โชว์ฟอร์มร้อนแรง ทำคะแนนสูงสุดให้ทีมไทย 28 คะแนน จากการตบ 26 คะแนน และบล็อกอีก 2 คะแนน ขณะที่ ชัยวัฒน์ ถุงคำ ทำเพิ่ม 18 คะแนน, อนุรักษ์ พันธุ์รัมย์ 11 คะแนน, อนุชิต ภักดีแก้ว 8 คะแนน, บุญฤทธิ์ วงศ์ธร 5 คะแนน และ กฤษฎา นิลไสว 4 คะแนน ส่วนอินโดนีเซีย ได้แต้มหลักจาก ริวาน นูร์มุลกี ทำไป 32 คะแนน และ บอย อีก 21 คะแนน แต่ไม่เพียงพอจะหยุดความมุ่งมั่นของทีมไทยในเซ็ตตัดสิน

ตลอดปี 2025 ทั้งสองทีมผลัดกันแพ้–ชนะอย่างสูสี เริ่มจาก AVC Nations Cup ที่บาห์เรน เดือนมิถุนายน อินโดนีเซียเฉือนชนะไทย 3-2 ต่อด้วยศึกซีวีลีก เดือนกรกฎาคม สนามแรกที่ฟิลิปปินส์ ไทยเอาชนะ 3-1 คว้าแชมป์ ก่อนที่สนามสองที่อินโดนีเซีย เจ้าภาพจะล้างตาเอาชนะไทย 3-2 และครั้งนี้เป็นการพบกันครั้งที่ 4 ในรอบชิงชนะเลิศซีเกมส์ ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของทีมไทย
สำหรับอินโดนีเซีย เป็นเจ้าของแชมป์วอลเลย์บอลชายซีเกมส์มากถึง 12 สมัย ขณะที่ไทยก่อนหน้านี้คว้าแชมป์มาแล้ว 8 สมัย และสองครั้งหลังสุดทำได้เพียงอันดับ 4 แต่ซีเกมส์ครั้งนี้ ไทยกลับมาทวงบัลลังก์ได้อย่างสมศักดิ์ศรี
ทั้งนี้ ทีมวอลเลย์บอลชายไทย ผ่านการเข้าชิงชนะเลิศซีเกมส์มาแล้ว 14 ครั้ง (รวมปี 2025) โดยพบกับอินโดนีเซียถึง 11 ครั้ง และสามารถเอาชนะได้ในปี 1985, 2005, 2011, 2013, 2017 และล่าสุดปี 2025
ชัยชนะครั้งนี้ยังเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของวอลเลย์บอลไทย เมื่อสามารถคว้าเหรียญทองได้ทั้ง ทีมชายและทีมหญิง ในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 สร้างประวัติศาสตร์ “ดับเบิ้ลแชมป์” ต่อหน้าแฟนกีฬาชาวไทยอย่างยิ่งใหญ่ และปลุกศรัทธาวอลเลย์บอลไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้งอย่างแท้จริง

