สธ. ส่งรถโมบายคลายเครียด ควบคู่บริการจิตเวชทางไกล ดูแลประชาชนและบุคลากรในศูนย์พักพิงขนาดใหญ่

155

กระทรวงสาธารณสุข ส่งรถโมบายคลายเครียดดูแลสุขภาพจิตประชาชนและบุคลากรการแพทย์ที่ศูนย์พักพิงขนาดใหญ่ 1,000 -3,000 คน ควบคู่บริการตรวจจิตเวชทางไกล เพื่อดูแลกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง พร้อมย้ำเรื่องการอุปโภค บริโภคน้ำสะอาด และอาหารที่อุ่นร้อน สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วยที่มีอาการระบบทางเดินหายใจ

วันนี้ (17 ธันวาคม 2568) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชายแดนไทย – กัมพูชา โดยมี นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ว่า ภาพรวมโรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัด ยังปิดให้บริการ 12 แห่งเท่าเดิม ส่วน รพ.สต. กลับมาเปิดบริการได้อีก 1 แห่ง เหลือปิด 206 แห่ง สำหรับศูนย์พักพิงลดลงเหลือ 992 จุด มีผู้เข้าพักรวม 272,670 คน เป็นกลุ่มเปราะบาง 71,466 คน มีการส่งต่อไปรักษาในโรงพยาบาลสะสม 824 ราย ส่วนการดูแลสุขภาพจิตเชิงรุก ได้คัดกรองประชาชนไปแล้ว 176,858 ราย พบเครียดสูงสะสม 1,316 ราย และเสี่ยงทำร้ายตนเองสะสม 238 ราย ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ 8,182 ราย พบเครียดสูงสะสม 462 ราย เสี่ยงทำร้ายตนเองสะสม 154 ราย ทั้งหมดได้รับการปฐมพยาบาลทางจิตใจ และติดตามอย่างต่อเนื่องจนกว่าอาการจะดีขึ้น

นพ.เอกชัย กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ที่ยังคงมีการปะทะอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต ทั้งความเครียดและความวิตกกังวล วันนี้กระทรวงสาธารณสุขจึงจัดส่งรถโมบายคลายเครียดลงศูนย์พักพิงขนาดใหญ่ ที่มีประชาชนเข้าพัก 1,000-3,000 คน ที่ จ.สระแก้ว สุรินทร์ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ พร้อมทั้งจัดบริการจิตเวชทางไกล หรือ​Telepsychiatry เพื่อดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่อพยพไปอยู่ศูนย์พักพิง รวมทั้งติดตามกลุ่มเสี่ยงในศูนย์พักพิง จ.สระแก้ว สุรินทร์ และอุบลราชธานี ทุกวันจันทร์-ศุกร์ รวมทั้งเปิดสายด่วนปรึกษาปัญหาสุขภาพจิต 1323 ให้บริการฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ยังคงเข้มมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ การจัดการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคติดเชื้อทางเดินอาหารในศูนย์พักพิงมาจากอาหารที่เตรียมไว้เป็นระยะเวลานานและไม่ได้อุ่นร้อน รวมทั้งน้ำที่ใช้ในการอุปโภคและบริโภคมีการปนเปื้อน ขณะที่โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ มีปัจจัยเสี่ยงหลักมาจากการรวมกลุ่มกันของคนหมู่มาก จึงได้ให้ทีม SRRT บูรณาการร่วมกับทีม SEhRT ปรับปรุงด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม เน้นย้ำเรื่องการอุปโภค บริโภคน้ำสะอาด และอาหารที่อุ่นร้อนให้กับประชาชน ตรวจจับผู้ป่วยที่มีอาการทางระบบทางเดินหายใจในศูนย์อพยพที่มีประชากรจำนวนมากและศูนย์อพยพที่หนาแน่นเกินความจุ เพื่อแยกกักโรคได้ทันเวลา และเน้นมาตรการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วยที่มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ