ห้วงเวลานี้ชาวบ้านในพื้นที่ 8 จังหวัดปลายด้ามขวานกำลังเผชิญกับมหาอุทกภัยอย่างแสนสาหัส และหนักสุดอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ สงขลา สตูล พัทลุง ฯ น้ำท่วมเกือบทุกตำบล รวมถึงพื้นที่เศรษฐกิจกลางเมืองหาดใหญ่ท่วมสูงกว่า 3 เมตร ความเสียหายให้กับประชาชนผู้ประสบภัยอย่างหนัก
ขณะที่ผู้เสียชีวิตคงจะทราบอย่างเป็นทางหลังน้ำลด แต่คาดว่าหลายสิบศพ เพราะที่ปรากฏเป็นข่าวมากกว่าสิบชีวิตแล้ว ส่วนการช่วยเหลือต่าง ๆ ละบริหารจัดการ ขอใช้ความว่า”ล้มเหลว”น่าจะอธิบายความได้ดีที่สุด

เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ”ประดู่แดง” เชื่อว่าปัญหาจะรุมเร้าสารพัด แต่ที่น่าห่วงนอกจากปัญหาเศรษฐกิจแล้วมีภัยอาชญากรรมที่จะตามมาอย่างหลากรูปแบบ
โดยเฉพาะภัยที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีโอกาสเกิดสูงเกือบทั้งประเทศ เพราะภัยธรรมชาติที่เกิดจากน้ำท่วม ที่ไม่ได้เกิดขึ้นในภาคใต้เพียงภาคเดียว แต่เกิดขึ้นเกือบทั่วประเทศทั้งภาคเหนือ ภาคกลางและภาคอีสาน สร้างความเสียหายให้กับภาคเกษตรจำนวนมหาศาล
จากภาวะดังกล่าวทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ประสบภัยต้องดิ้นรนหารายได้ ด้วยการอพยพเข้าไปทำงานตามเมืองใหญ่ ๆ บางคนความจนบังคับสามารถก่ออาชญากรรมประเภทลักวิ่งชิงปล้น เพื่อให้ชีวิตอยู่รอดได้
หลายพื้นที่คนหนุ่มสาวหรือวัยทำงานต้องทิ้งถิ่นปล่อยให้พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ลูกและหลาน อยู่เฝ้าบ้านทำให้พวกมิจฉาชีพออกตระเวนก่อเหตุได้ ยิ่งบ้านไหนมีเครื่องมือการเกษตรโอกาสที่จะถูกขโมยสูง เสมือนเป็นวัฎจักรที่เกิดขึ้นประจำทุกปีอยู่แล้ว
ซึ่งปัญหาเหล่านี้คงต้องต้องความหวังไว้ที่องค์กรตำรวจเป็นหลัก จะหวังพึ่งพาจากหน่วยงานอื่นคงลำบาก ยิ่งจากฝ่ายการเมืองด้วยแล้วคงพึ่งพาลำบากมาก เพราะถ้ารัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ชิงยุบสภาฯภายในเดือนธันวาคมหรือจะลากยาวไปยุบวันที่ 31 มกราคม 2569 ตามที่ประกาศไว้ ช่วงเวลาดังกล่าวจนถึงเลือกตั้งเสร็จประเทศจะอยู่ในสภาวะสุญญากาศทางอำนาจ
ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เท่านั้นคือที่พึ่งพาของประชาชนแบบตัวจริงเสียงจริง เพราะมีกำลังพลกระจายรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนทั่วประเทศอยู่แล้ว

ประกอบกับจังหวะที่ ตร.ได้จัดทัพสีกากีระดับรองผู้บังคับการ(รองผบก.)-สารวัตร(สว.) เสร็จภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน ตามที่กฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ว่าด้วยการแต่งตั้งกำหนดไว้ เมื่อคำสั่งออกมาบรรดาตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งจะทยอยเข้ารับตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่
ซึ่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ต้องใช้โอกาสกำชับนี้แบบติวเข้มหัวหน้าโรงพักทั่วประเทศ รวมถึงรองผกก.และสว. ให้ปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาวบ้านอย่างเข้มแข็ง ตามบริบทที่บอกกันว่าเป็นตำรวจของประชาชน

หลังจากที่ตำรวจทุกนายเข้าปฏิบัติหน้าที่แล้ว เชื่อว่าคงตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ไม่มุ่งแสวงผลประโยชน์ เพราะตำแหน่งสำคัญๆและทุกตำแหน่งต่างรับรู้กันว่าไร้การจ่ายเงินซื้อมา ตามที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยืนยันไว้ การถอนทุนจะไม่เกิดขึ้น
ดังนั้น ได้แต่หวังว่าตำรวจทุกหน่วยปฏิบัติหน้าที่รับใช้ประชาชนอย่างตรงไปตรงมา มีความขยันออกตรวจตราพื้นที่เพื่อป้องกันเหตุ เพราะนับจากนี้ไปเมื่อภัยน้ำท่วมจบลงและภัยแล้งจะตามมา ทั้งสองภัยล้วนแต่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน
บวกกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรายได้คนระดับกลางถึงรากหญ้าอยู่ในอาการชักหน้าไม่ถึงหลัง แถมการพนันออนไลน์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายเพียงมีแค่โทรศัพท์มือถือและเงิน 20 บาทสามารถแทงได้แล้วผุดราวดอกเห็ด รวมถึงการแพร่ระบาดของยาเสพติดที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรมแทบทั้งสิ้น

ซึ่ง”ประดู่แดง”เชื่อว่าปัญหาเหล่านี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รับมือได้เป็นอย่างดี เพราะนับแต่นั่งกุมบังเหียนตร.มากว่าหนึ่งปี ผ่านงานยากลำบากแสนสาหัสมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเดินหน้าสร้างขวัญกำลังใจให้กับกำลังพล รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนอย่างฉับไว อย่างกรณีระดมตำรวจน้ำและตำรวจตระเวนชายแดนเข้าช่วยเหลือผู้ประสบมหาอุทกภัยใน อ.หาดใหญ่ และจังหวัดปลายด้ามขวานอย่างทันท่วงที
ที่สำคัญได้กู้ภาพลักษณ์ที่ตกต่ำจนประชาชนเกิดวิกฤตศรัทธา กลับมาให้ประชาชนศรัทธาได้ระดับเป็นที่น่าพอใจแล้ว และมั่นใจว่าก่อนเกษียณอายุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ คงทิ้งผลงงานที่ดีไว้ให้ตำรวจและประชาชนได้กล่าวขานถึงอย่างแน่นอน ให้สมกับราคาที่ว่าตำรวจคือที่พึ่งของประชาชนแบบตัวจริงเสียงจริง !!!


