นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติและรักษาการโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า มาตรการเปิดทางให้ประชาชนติดตั้งแผงโซลาร์ยังไม่ตอบโจทย์ในทางปฏิบัติ แม้กระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะออกหลักเกณฑ์ใหม่ แต่ขั้นตอนสำคัญอย่างการ “ยื่นคำร้อง” และการจัดเตรียมเอกสารยังคงอยู่ครบถ้วน ไม่ต่างจากการขออนุญาตตามระบบเดิม

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.เสรีโซลาร์ที่จัดทำตามนโยบายของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และผ่านหลักการคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ถูกชะลอหลังการเปลี่ยนรัฐบาล โดยรัฐบาลชุดปัจจุบันเลือกใช้กฎหมายลำดับรองหลายฉบับแทนการตรากฎหมายหลัก ซึ่งย่อมทำให้การบังคับใช้ต้องผ่านความเห็นของหน่วยงานถึง 6 แห่งที่อยู่ภายใต้กฎหมายคนละฉบับ และมีแนวโน้มเกิดความล่าช้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แม้กฎกระทรวงควบคุมอาคารฉบับใหม่จะประกาศว่า “การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์น้ำหนักไม่เกิน 20 กก./ตร.ม. ไม่ถือเป็นการดัดแปลงอาคารและไม่ต้องขออนุญาต” แต่ในความเป็นจริง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังต้องให้ประชาชนยื่นคำร้องเพื่อยืนยันว่าอยู่ในเกณฑ์ได้รับการยกเว้น เช่นเดียวกับกรณีของ กกพ. ที่ระบุว่าระบบผลิตไฟฟ้าต่ำกว่า 1,000 kVA ไม่ต้องขออนุญาต แต่ประชาชนก็ยังต้องจัดทำเอกสารและรอการพิจารณาตามขั้นตอนเดิม“ ซึ่งการดำเนินการลักษณะนี้สะท้อนการใช้ “ข้อยกเว้นบนกระดาษ” มากกว่าการยกเลิกภาระจริงของประชาชน
พร้อมตั้งคำถามว่า การถ่วงเวลาที่เกิดขึ้นเป็นการเปิดช่องให้รอการเปลี่ยนผ่านของสัญญาไฟฟ้าขนาดใหญ่ในภาคพลังงานหรือไม่ และย้ำว่าประเทศควรเดินหน้าเปิดเสรีให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าใช้เองได้โดยแท้จริง เพื่อให้การแข่งขันด้านพลังงานเป็นธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
“ระบบพลังงานของประเทศต้องโปร่งใส ชัดเจน และเอื้อต่อประชาชนเป็นหลัก พรรค รวมไทยสร้างชาติพร้อมผลักดันกฎหมายที่ลดภาระขั้นตอน ให้ประชาชนเข้าถึงพลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างแท้จริง และจะเดินหน้าปกป้องสิทธิด้านพลังงานของประชาชน เพื่อให้ระบบพลังงานของไทยก้าวไปด้วยความมั่นคงและความเชื่อมั่นในระยะยาว” นายอรรถวิชช์ กล่าว

