พระบารมี”ในหลวง-พระราชินี”เสด็จเยือนจีนสัมพันธ์แน่นแฟ้น​ ปลุกท่องเที่ยวไทยคึกคักรับเทศกาล

991


 ระหว่างวันที่ 13-17 พฤศจิกายน ทั้งชาวไทยและชาวจีนต่างปลื้มปีติ ที่ได้เห็นภาพนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแหง่สาธารณรัฐประชาชนจีน จัดพิธีถวายการต้อนรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี อย่างสมพระเกียรติ ที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายสี  จิ้นผิง

         รวมถึงภาพพระราชกรณียกิจทั้งสองพระองค์ระหว่างเสด็จเยือนสถานที่สำคัญๆของประเทศจีน สร้างความประทับใจให้กับประชาชนทั้งสองประเทศ เป็นการตอบรับในเชิงบวกอย่างมาก เพราะสื่อหลักและสื่อออนไลน์แพลตฟอร์มต่างๆขอนจีนได้นำเสนอพระราชกรณียกิจของทั้งสองพระองค์ในรอบ 48 ชั่วโมง ถึง 18,900-21,400 ชิ้น

         ขณะเดียวกันชาวจีนได้นำคำพูดของนายสี จิ้นผิง ยกย่องความสัมพันธ์ของสองประเทศว่าใกล้ชิดแน่นแฟ้นเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน นำไปแชร์ในสื่อออนไลน์อย่างกว้างขวาง

        ด้วยพระบารมีของในหลวงและพระราชินีที่เสด็จเยือนจีนครั้งนี้ ก่อเกิดผลดีต่อประเทศไทยอย่างยิ่งโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ  นายสี จิ้นผิง กราบบังคมทูลต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า จะขอซื้อข้าวจากไทยจำนวน 5 แสนตัน และที่สำคัญช่วยกระตุ้นภาคท่องเที่ยวเสาหลักสำคัญเสาหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยกลับมาคึกคักอีกคำรบหนึ่ง

      โดย  น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)กล่าวว่าจากการติดตามกระแสสื่อและความเห็นบนโลกออนไลน์ในประเทศจีน ของสำนักงานททท.ทั้ง 5 แห่งในกรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เฉินตู กว่างโจวและคุนหมิงพบว่าข่าวการเสด็จฯเยือนจีนของในหลวงและพระราชินี ได้รับการตอบรับเชิงบวกเป็นอย่างมากทั้งสื่อหลักและประชาชนจีน ทั้งในเชิงภาพลักษณ์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความคาดหวังด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในหมู่ประชาชนจีน

    “นับเป็นโอกาสสำคัญยิ่งของททท.และภาครัฐของไทยในการขับเคลื่อนฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวจีน โดย ททท.เตรียมจัด 4 กิจกรรมกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยว 1.นำเสนอแคมเปญประชาสัมพันธ์”จงไท่อี้เจียชิน”(ไทยจีนใช่อื่นไกลพี่น้องกัน)ผ่านคอนเทนต์เส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงวัฒนธรรมไทย-จีน 2.จัดโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินโรงแรมที่พักเสนอขายนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มเดินทางด้วยตัวเองร่วมกับแพลตฟอร์มจองสินค้าเที่ยวออนไลน์”น.ส.ฐาปนีย์ระบุและว่า 3.ทำโปรโมชั่นแพ็กเกจท่องเที่ยวภายใต้แคมเปญจงไท่อี้เจียชินร่วมกับบรัททัวร์ในจีน ต้อนรับเทศกลาตรุษจีน 2569 และ 4.ทำแพ็กเกจเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงนำเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีนร่วมกับสมาคมต่างๆอาทิ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า)ด้วยให้บริษัทจัดการจุดหมายปลายทางในไทย เช่นเส้นทางตลาดน้อย-ตลาดพลู-เยาวราช และเส้นทางเมืองเก่าในนครสวรรค์และภูเก็ต เป็นต้น

  ขณะที่นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการแอตต้า บอกว่ากระแสเชิงบวกบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับในหลวงและพระราชินีเสด็จฯเยือนจีน โดยมีนายสี จิ้นผิง จัดพิธีต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ครอบรอบ 50 ปี ทั้งนี้”ผ้าไทยและอาหารไทยได้รับการกล่าวถึงบนโลกออนไลน์อย่างมาก มีการไลฟ์ขายผ้าไทย24ชั่วโมงบนติ๊กต๊อก

     “ทางนายสี จิ้นผิง ได้ให้ความเคารพและเป็นมิตรต่อพระมหากษัตริย์ไทยถือเป็นกระแสที่ดีอย่างมากได้ใจชาวจีนเรียกได้ว่ามุมมองเชิงลบของชาวจีนที่มีต่อไทยก่อนหน้านี้ได้หายไปหมด มีแต่มุมเชิงบวกในทุกแพลตฟอร์มของจีน”นายอดิษฐ์ระบุและว่าการเสด็จเยือนจีนของในหลวงและพระราชินีตรงกับช่วงเข้าฤดูหนาว คนในพื้นที่ตอนเหนือของจีน คนจีนเริ่มวางแผนล่วงหน้าก่อนเดินทางหนีหนาว 2-4 สัปดาห์ ไทยจะได้ลูกค้ากลุ่มนี้เข้ามา

    ขณะที่ น.ส.ภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท.บอกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยช่วงที่เหลือของปีนี้จะเพิ่มเป็น 20,000-25,000 คน/วัน จากปัจจุบันเดินทางเข้าเฉลี่ย 10,000 คน/วัน หนุนยอดนักท่องเที่ยวจีนมาไทยปีนี้แตะ 5 ล้านคน

    จากปัจจัยดังกล่าวพอทำนายได้ว่านับแต่นี้จนถึงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่และยาวไปถึงเทศกาลตรุษจีน นักท่องเที่ยวจีนทะลักเที่ยวไทยจำนวนมาก จะช่วยปลุกให้การท่องเที่ยวของไทยที่ซบเซามาหลายเดือนเพราะกระแสข่าวคนจีนมาเที่ยวไทยแล้วไม่ปลอดภัยทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะการก่ออาชญากรรมจากกลุ่มจีนเทาและไทยเทา

  ดังนั้นเมื่อภาพลักษณ์เหล่านี้ได้ลบล้างไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยพระบารมีของในหลวงและพระราชินี ทำให้คนจีนเบนเข็มเที่ยวไทยมากขึ้น ในส่วนของภาคบริการของเอกชนไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ตและบ้านพักต่างๆตามแหล่งท่องเที่ยว เชื่อว่าพร้อมที่จะให้บริการอย่างเต็มที่

 แต่ที่น่าห่วงหน่วยงานรัฐทั้งด้านบริการและรักษาความปลอดภัย ไม่ว่าจะศูนย์บริการนักท่องเที่ยวต่างๆ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจท้องที่ ฝ่ายปกครองตั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัดยันปลัดอำเภอ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับนักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่าจะทะลักเข้าไทยช่วงเดือนธันวาคมยาวไปเทศกาลตรุษจีนและเทศกาลสงกรานต์แล้วหรือยัง     เพราะทุกหน่วยล้วนมีความสำคัญที่จะช่วยให้นักท่องเที่ยวรู้สึกอุ่นใจในการเดินทางท่องเที่ยวในทุกพื้นที่ของไทย

  จัดว่าเป็นการเปิดโอกาสอันสำคัญอีกครั้งหนึ่งที่การท่องเที่ยว จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ดิ่งเหวอยู่ให้กระเตื้องขึ้นมาอีกคำรบหนึ่ง แม้จะไม่เฟื่องฟูมากนัก แต่อย่างน้อยช่วยต่อลมหายใจอันรวยรินของชาวบ้านที่มีอาชีพเกี่ยวข้องการท่องเที่ยวกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง  !!