สกู๊ปพิเศษ: ผลงานปราบยาเสพติดยุค ผบ.ต่าย เด่นชัดเป็นที่ประจักษ์ แค่ 43 วัน ตัวเลขพุ่งแซงค่าเฉลี่ยหลายปี

433

ในช่วง 43 วันแรกของปีงบประมาณ 2568 (1 ต.ค. – 18 พ.ย.) ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศป.ปส.ตร)เปิดตัวเลขที่สะท้อน “ความเข้มข้นแบบเร่งฉีดอะดรีนาลีน” หลังการเข้ารับตำแหน่งของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. คนปัจจุบันแม้จะเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของวาระปีงบประมาณ แต่ตัวเลขหลายหมวดพุ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยหลายปี และบางตัวชี้วัดทะลุเพดานที่เคยทำได้ในรอบ 3–5 ปีหลัง ท่ามกลางสัญญาณการกดดันเครือข่ายยาเสพติดทั้งในประเทศและข้ามแดนอย่างเห็นได้ชัด คดีกว่า 39,000 คดี—สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเกือบหนึ่งเท่าตัวข้อมูลจาก ศป.ปส.ตร. ระบุว่าเพียง 43 วัน ตำรวจจับคดีเกี่ยวกับยาเสพติดได้ถึง 39,924 คดี และควบคุมผู้ต้องหากว่า 39,934 ราย

เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติช่วงเดียวกันในหลายปีที่ผ่านมา (ซึ่งโดยเฉลี่ยอยู่ราว 18,000–22,000 คดี) ตัวเลขปีนี้ “พุ่งขึ้นอย่างผิดตา” สะท้อนความเข้มของคำสั่ง “ล้างบางทั้งเครือข่ายเล็ก–กลาง–ใหญ่” ตั้งแต่วันแรกที่ ผบ.ตร. เข้ารับตำแหน่ง ยาบ้า 183 ล้านเม็ดมากกว่า ‘ไตรมาสหนึ่ง’ ของบางปี

หากมองในเชิงปริมาณของกลาง ลอตที่ยึดได้ในยุค ผบ.ตร. คนปัจจุบันถือว่ามีขนาดใหญ่กว่าหลายปีก่อนหน้าอย่างชัดเจนยาบ้า 183 ล้านเม็ดตัวเลขนี้เทียบเท่าผลการยึดทั้งไตรมาสของบางปี ไอซ์กว่า 4,243 กก.มากกว่าสถิติเฉลี่ยรายเดือนถึง 3 เท่า เคตามีน 1.3 ตัน — เฮโรอีนเกือบ 92 กก. — ยาอีอีก 80,000 เม็ด

เมื่อนำตัวเลขนี้เทียบกับสถิติในรอบ 5 ปี จะพบว่า 43 วันแรกปีนี้มีปริมาณรวม “สูงที่สุดอันดับต้น ๆ” แม้ยังไม่ครบไตรมาสแรกด้วยซ้ำเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่ชายแดนเหนือและอีสานระบุว่า“ระดับความถี่ของการสกัดจับสูงกว่าปีก่อน ๆ แบบเห็นได้ชัด เครือข่ายเริ่มปรับเส้นทางใหม่เพื่อเลี่ยงการสกัดกั้น”

ยึดทรัพย์ 816 ล้านบาท—โตขึ้นจากปีก่อนกว่า 3 เท่า หนึ่งในตัวเลขที่เด่นที่สุดในการเปรียบเทียบคือ การอายัด–ยึดทรัพย์สินกว่า 816 ล้านบาท ภายในเดือนครึ่ง เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในปี 2565–2567 ที่ส่วนใหญ่ทำได้ประมาณ 200–300 ล้านบาทในช่วงเวลาเท่ากัน ตัวเลขปีนี้ถือว่า “โดดขึ้นแบบก้าวกระโดด” อย่างน้อย 2–3 เท่าและยิ่งเมื่อดูตัวชี้วัดคดีเชิงลึก เช่นคดีสมคบฟอกเงิน 284 คดีคดีฟอกเงินโดยตรง 25 คดี หมายจับตามคดียาเสพติด 643 หมาย จะพบว่าปีนี้มีน้ำหนักของการ ตัดเส้นทางการเงินเครือข่าย มากกว่าทศวรรษก่อนชัดเจน เป็นภาพสะท้อนนโยบาย “ตัดเงิน = ตัดหัวใจองค์กร” ที่ ผบ.ตร. กำชับหนักในที่ประชุม

ตัวชี้วัดหลายด้าน ‘แซงค่ามาตรฐา’—งานฟอกเงินพุ่ง 24.51%

เมื่อนำตัวเลขทั้งหมดเข้าเปรียบเทียบกับตัวชี้วัดกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในรอบหลายปี พบว่าข้อหาร้ายแรง 4 ข้อหา: 14.61%สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะ 5 ปี (ราว 10–12%จับหมายจับ: 16.58% มากกว่าสถิติปีที่แล้วราว 20–30% คดีฟอกเงิน: 24.51% สูงที่สุดในรอบหลายปี—เป็นหมวดที่เด่นที่สุดในยุค ผบ.ตร. คนนี้ นักวิเคราะห์นโยบายยาเสพติดให้ความเห็นว่าลักษณะงานปีนี้ไม่ได้เน้นจำนวนเพียงอย่างเดียว แต่เน้นคดีเชิงโครงสร้างมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายเรียกร้องมานาน”

เปลี่ยนจาก “กวาดล้างรายย่อย“ทุบโครงสร้างเครือข่าย”

สไตล์การทำงานของ ผบ.ตร. คนปัจจุบันมีลักษณะเด่นคือให้ทุกหน่วย ล่าตัวการใหญ่,ใช้ “การสืบสวนทางการเงิน” เป็นแกน เชื่อมคดีฟอกเงิน–สมคบฯ เข้ากับทุกคดีสำคัญ ผลักดันเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลแบบ real-time.ผลคือคดีที่มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้น แต่กระทบต่อเครือข่ายยาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม

สรุปเชิงเปรียบเทียบ: ทำไมผลงานยุคนี้โดดเด่นกว่า

เดิมเมื่อเทียบกับข้อมูลย้อนหลังหลายปี พบความแตกต่างที่ชัดเจน 5 มิติ:(1.)จำนวนคดีและผู้ต้องหา—พุ่งขึ้นกว่า 70–90% (2)ปริมาณยาเสพติดที่ยึด—สูงระดับ “ลอตพิเศษ” ต่อเนื่อง(3.)การยึดทรัพย์—โต 2–3 เท่า จากนโยบายตัดเส้นทางเงิน(4.)คดีฟอกเงินและสมคบ—เพิ่มในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน (5.)การจับหมายจับ—เพิ่มขึ้นแทบทุกกองบัญชีทั่วประเทศ

ทั้งหมดนี้ทำให้ยุค ผบ.ตร. คนปัจจุบันถูกมองว่าเป็นช่วงที่“เปลี่ยนแนวรบจากแนวราบ มาเป็นแนวรื้อโครงสร้าง”ซึ่งเป็นทิศทางที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงเห็นว่ามีผลกระทบต่อเครือข่ายยาเสพติดอย่างแท้จริงในระยะกลางและระยะยาว

ทีมข่าวอาชญากรรม
สำนักข่าวไทยแทบลอยด์รายงาน