“รองฯสำราญ”คุมเข้มจราจรทั่วปท.–สถิติดับพุ่งหมื่นมากกว่าสงคราม สั่งตั้งด่านจุดเสี่ยง–ดึง AI แก้รถติด รับศึกปีใหม่ 2569

576

พล.ต.อ.สำราญ​ฯ สั่งกวดขันวินัยจราจรทั่วประเทศ เตรียมตั้งด่านจุดเสี่ยง–เร่งลดตัวเลขผู้เสียชีวิตหลังสถิติพุ่งเกิน 10,800 ราย มากกว่าสงคราม พร้อมดึง AI ช่วยบริหารสัญญาณไฟจราจร รับมือเทศกาลปีใหม่

วันที่​ 19​ พ.ย.68​ เวลา​ 13.00น.ที่​ ตร. พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมบริหารจราจรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยระบุว่าที่ประชุมให้ความสำคัญประเด็นหลักๆเช่น​ คือ การเพิ่มความคล่องตัวของการจราจร และ การลดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน​ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่หลายแห่งมีรถหนาแน่นเกินศักยภาพถนน จึงต้องออกแบบแก้ไขร่วมกันทั้งตำรวจ–หน่วยงานวิศวกรรม เพื่อกำหนดมาตรการให้การจราจรเคลื่อนตัวได้ต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างวินัยจราจรให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อรองรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่​ 2569​

พล.ต.อ.สำราญ เปิดเผยว่า จากวันที่ 1 ม.ค.–17 พ.ย. พบอุบัติเหตุเสียชีวิตบนท้องถนนกว่า 10,800 ราย ซึ่งตนเองพูดกับเพื่อนตำรวจด้วยว่าตัวเองสูงมาก เทียบเทาสงครามเลย โดยเฉพาะช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีเยาวชนเสียชีวิตจากการขับรถจักรยานยนต์และรถยนต์จำนวนมาก สะท้อนปัญหาการไม่สวมหมวกนิรภัย​ ประชาชนมองว่าตำรวจจับปรับ แต่แท้จริงตำรวจต้องการลดการเสียชีวิต​ พร้อมระบุเพิ่มว่า จะเพิ่มความเข้มงวดในจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย ตรวจเข้มเมาแล้วขับ พร้อมสั่งกำชับตำรวจทุกนายต้องเป็นตัวอย่าง หากพบกระทำผิดจะถูกดำเนินคดีทันที​ หรือกรณีรถตำรวจฝ่าสัญญาณไฟแดงเพื่อภารกิจฉุกเฉิน เช่น ไล่จับคนร้าย การตั้งด่านก็จะทำให้สามารถชี้แจงต่อประชาชนให้เข้าใจได้​

พล.ต.อ.สำราญ​ฯ​ กล่าวว่าในการประชุมยังได้หารือและกำชับให้ทุกโรงพักสำรวจตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจาก สภาพถนน–พฤติกรรมผู้ขับขี่–ทัศนวิสัย ก่อนนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อรับมือช่วงเทศกาลปีใหม่ โดนมาตรการที่จะทำอย่างเห็นเป็นรูปธรรม​ คือการ กวดขันวินัยจราจรแบบมีเหตุผล ชี้แจงประชาชนให้เข้าใจว่าการบังคับใช้กฎหมายเพื่อความปลอดภัยและตนเองและครอบครัว​ สำรวจจุดเสี่ยงทุกระดับ แม้ไม่มีผู้เสียชีวิต เพื่อปรับปรุงและลดมลภาวะจากรถติด​ นอกจากนี้ที่ประชุมได้นำทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญด้าน AI มาร่วมประชุมวางแผน โดยปัจจุบัน กทม. มีการติดตั้งระบบ AI บริหารไฟจราจรในประมาณ 20 จุด และเตรียมขยายให้ครอบคลุมมากขึ้นเพื่อแก้รถติดอย่างยั่งยืน

พร้อมทิ้งท้ายว่า​ ปัจจุบันมีสำนวนคดีใบสั่งค้างชำระกว่า 12,000 คดี ส่งฟ้องแล้ว 768 คดี พร้อมเตือนประชาชนอย่านิ่งนอนใจ ควรชำระค่าปรับตามกฎหมายเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม

“ไม่ต้องการให้ทำผิดกฎจราจร แต่หากทำผิดกฎจราจรจะต้องว่ากล่าวตักเตือน เมื่อว่ากล่าวตักเตือนแล้วยังทำซ้ำก็ต้องออกใบสั่ง เมื่อออกใบสั่งแล้วไม่ชำระก็ต้องฟ้องศาล อยากสื่อไปถึงประชาชนว่าอย่าทำผิดกฎจราจร เรื่องการจราจรคือทำให้รถเคลื่อนที่ได้ไวขึ้น ลดการตายให้น้อยลง และลดมลภาวะ แต่จะทำอย่างไรให้เกิดมาจากจิตภายในของประชาชน สื่อจะมาบอกว่ามันซ้ำๆ กัน แต่ยังแก้สำนึกภายในไม่ได้ วันนี้บอกว่าเมาไม่ขับเพราะว่ากลัวตำรวจจับ อย่างนี้แก้ไม่ได้ แต่หากเราเมาแล้ว เรากลัวอุบัติเหตุที่จะเกิดกับคนอื่นก็ต้องขอขอบคุณมาก” พล.ต.อ.สำราญ กล่าวทิ้งท้าย