“ธรรมนัส-อัครา” มอบ “บ้านมั่นคง” ช่วยกลุ่มเปราะบางนนทบุรี เริ่มต้นชีวิตใหม่ พม.พร้อมหนุนกลไกสหกรณ์สร้างชุมชนเข้มแข็ง

436

นนทบุรี, วันที่ 17 พฤศจิกายน – นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) พร้อมด้วย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (รมว.กษ.)  เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการบ้านมั่นคงสหกรณ์บริการเคหสถานสามัคคีติวานนท์ จำกัด เทศบาลนครปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนกลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้มีรายได้น้อย ภายใต้การดูแลของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. กระทรวง พม. อีกทั้งมอบ “บ้านมั่นคง” ให้แก่สมาชิกสหกรณ์ฯ โดยมี นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.พม. , นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง ปลัด พม., นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการ พอช. , คณะผู้บริหารกระทรวง พม. และกระทรวง กษ. , นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี  , ผู้แทนภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ประชาสังคม และประชาชน เข้าร่วม

นายอัครา กล่าวว่า มาติดตามผลการดำเนินงาน และมอบบ้านมั่นคง จำนวน 59 หลัง ให้แก่สมาชิกสหกรณ์บริการเคหสถานสามัคคีติวานนท์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัย เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่มั่นคงให้กับสมาชิกสหกรณ์ฯ โครงการนี้ถือเป็นรูปธรรมของความสำเร็จที่เปลี่ยนจากการบุกรุกมาเป็นการพัฒนาที่ดินด้วยกลไกสหกรณ์ ซึ่งในโอกาสนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส ได้กล่าวชื่นชมความพยายามของสมาชิกสหกรณ์ฯ ในการรวมกลุ่มและจัดการตนเอง พร้อมตอกย้ำว่า “กลไกสหกรณ์คือเครื่องมือสร้างความมั่งคั่ง” ที่สอดคล้องกับภารกิจบูรณาการระหว่างกระทรวง พม. และกระทรวง กษ.

นายอัครา กล่าวว่า จังหวัดนนทบุรีนับเป็นพื้นที่ต้นแบบของการดำเนินงานสหกรณ์เคหสถานที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสหกรณ์บริการเคหสถานสามัคคีติวานนท์ จำกัด ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของประชาชนผู้เดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัย มีสมาชิก 59 ครัวเรือน และได้รับการสนับสนุนงบประมาณพัฒนาที่อยู่อาศัยจาก พอช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถพัฒนาสู่การเป็นสหกรณ์ที่มีความมั่นคงทางการเงิน มีการบริหารจัดการที่เป็นระบบที่มีความเข้มแข็ง ส่งผลให้มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยระบบสหกรณ์ โดยจังหวัดนนทบุรีมีโครงการบ้านมั่นคง 12 โครงการ 1,332 หลังคาเรือน 11 สหกรณ์ ทั้งนี้ วันนี้จึงถือเป็นโอกาสสำคัญ ในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างเครือข่ายทุกภาคส่วนทั้งสหกรณ์ หน่วยงานภาครัฐ ประชาสังคม และประชาชน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนบ้านมั่นคงให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนในทุกมิติ