ศาลสูงสุดสหรัฐฯ ตั้งข้อสงสัยภาษีทรัมป์อาจขัด รธน. คาดอาจหันไปใช้ภาษีอื่นแทน ส่งออกไทยยังเสี่ยง

656

กรุงเทพฯ วันที่ 6 พ.ย. – ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ถึงคดีภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้เข้าสู่กระบวนการไต่สวนของศาลสูงสุดสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยผู้พิพากษาส่วนใหญ่ตั้งข้อสงสัยต่อการที่ทรัมป์ใช้อำนาจตามกฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) ในการเก็บภาษีนำเข้าในวงกว้างว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการจัดเก็บภาษีนำเข้าภายใต้กฎหมายดังกล่าวกำลังถูกพิจารณาอย่างเข้มงวด โดยคาดว่าคำตัดสินของศาลฯ จะประกาศได้อย่างช้าที่สุดในเดือนมิ.ย. 2569 ซึ่งเป็นช่วงสิ้นสุดวาระการพิจารณาคดีของศาลฯ

ในกรณีที่ศาลฯ มีคำตัดสินว่าการเก็บภาษีตามกฎหมาย IEEPA ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และถูกระงับและยกเลิก จะเป็นการจำกัดอำนาจของประธานาธิบดีอย่างมีนัยสำคัญในด้านนโยบายการค้า และเปิดทางให้ผู้นำเข้าสหรัฐฯ ยื่นขอคืนภาษีมูลค่าเกือบ 9 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ หรือคิดเป็นราว 5% ของการขาดดุลการคลังของสหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2568 อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนทางการค้าโลกยังคงมีอยู่ เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ อาจหันไปใช้กฎหมายการค้าอื่นๆ แทน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ถึงผลกระทบต่อไทย หากศาลฯ มีคำสั่งระงับและยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้าภายใต้กฎหมาย IEEPA ว่าจะมีผลต่อไทยผ่านภาษี Reciprocal tariff ที่ถูกจัดเก็บในอัตรา 19% อย่างไรก็ตาม สินค้าส่งออกของไทยยังคงเผชิญความเสี่ยงจากการถูกเก็บภาษีภายใต้มาตรา 232 ในระยะข้างหน้า อาทิ วงจรรวม ไดโอด และทรานซิสเตอร์ ที่อยู่ในกลุ่มสินค้ากึ่งตัวนำ (semiconductors) ซึ่งสหรัฐฯ กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาและไต่สวนการจัดเก็บภาษีภายใต้มาตรา 232