สำหรับพุทธศาสนิกชนแล้ว การทำบุญทำทานเป็นสิ่งพึงปฏิบัติ และหลายคนแสวงหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจหรือหาวัตถุมงคลติดตัวไว้เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย มีพระคุ้มครองส่งผลให้เกิดธุรกิจเช่าวัตถุมงคลเกิดขึ้นจำนวนมาก ถ้าคนเช่าเจอสุจริตชนที่เปิดแผงพระหรือเพจต่าง ๆ ให้เช่าวัตถุมงคล ถือว่าโชคดีได้สิ่งที่ประสงค์แต่ถ้าเจอพวกทุจริตคดโกง เปิดแผงพระหรือเพจต่าง ๆ บังหน้า คนเช่าอาจจะได้วัตถุมงคลที่สร้างเลียนแบบหรือพระปลอม บางคนไม่อยากเดินทางไปแผงพระ ก็ใช้บริการเพจต่าง ๆ ที่เปิดบริการให้เช่าวัตถุมงคลหรือหนังสือจองพระที่กำลังปลุกเสก โอนเงินจ่ายเรียบร้อยกลับไม่ได้รับของ

ขอยกตัวอย่างสัก 2 คดี เมื่อเดินทางเข้าแจ้งความ คดีแทบจะไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่เหยื่อแจ้งเบาะแสให้อย่างชัดเจน คดีแรกเกิดขึ้นที่พื้นที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี คุณมนทชา ชาวร้อยเอ็ด เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.36 น. ระบุว่าวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 เวลา 19.32 น. ได้เช่าพระเครื่องผ่านเฟซบุ๊กชื่อ “Wattana Boonsa” ตกลงซื้อขายแล้วโอนเงินจำนวน 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 โอนไปยังธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ชื่อบัญชี นายวัฒนา บุญสา เป็นเงิน 1,300 บาท วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ครั้งที่ 2 โอนวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 เป็นเงิน 15,000 บาทคุณมนทชาให้การอีกว่า หลังจากโอนเงินไป 16,300 บาท จึงรู้ว่าถูกหลอก จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี เหตุเกิด ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี มี ร.ต.อ. รพีพงศ์ บุญพัวพันธ์ รอง สว.(สอบสวน) รับคำร้องไว้เพื่อดำเนินการสอบสวน
คดีที่ 2 พื้นที่ สภ.เมืองอุดรธานี เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2567 คุณปรีชา ชาวกาฬสินธุ์ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนว่า ได้ติดต่อทางเฟซบุ๊กกับนายวัฒนา บุญสา ที่ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “วัฒน์ วัฒนา เก้าเก้า” หลอกว่าสามารถสั่งจองพระเป็นที่นิยม เหรียญรุ่นเจริญพร ปู่เวิน รุ่นแสนแก้วมณีโชติ หลวงปู่ศิลา พระผงรุ่นพระปิดตาเหนือดวง หลวงปู่ศิลา ได้โอนเงินไปยังธนาคารกรุงไทย ชื่อนายวัฒนา บุญสา ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 – 12 สิงหาคม 2567 จำนวน 13 ครั้ง รวมเป็นเงิน 679,500 บาท คุณปรีชาให้การอีกว่านายวัฒนาบอกว่าจะส่งพระเครื่องที่สั่งจองให้ในวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ต่อมานายวัฒนาบอกว่าขอเลื่อนส่งไปเป็นวันที่ 26 สิงหาคม 2567 พอถึงเวลาขอเลื่อนเป็นวันที่ 1 กันยายน 2567 แต่สุดท้ายก็บ่ายเบี่ยง เชื่อว่าถูกหลอก จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ เหตุเกิดที่ศูนย์อนามัย 8 เลขที่ 582 หมู่ 12 บ้านสามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี มี พ.ต.ท. กุศล สิทธิขันแก้ว สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี รับคำร้องทุกข์ไว้สอบสวนต่อไป
หากดูจากวันเวลาแจ้งความ จะพบว่าคดีล่วงเลยมาปีกว่า แต่ยังไม่คืบหน้า ซึ่งผู้เสียหายสูญเสียเงินเกือบ 1 ล้านบาท พยายามทุกช่องทางที่จะหาเบาะแสคนร้าย เพื่อจะส่งให้กับตำรวจสืบสวน บางคดีคนร้ายได้เข้ามอบตัวพร้อมให้การปฏิเสธสู้คดีผู้เสียหายบอกว่าคนร้ายน่าจะรู้ช่องทางของกฎหมายเป็นอย่างดี จึงเข้ามอบตัวสู้คดี แต่ที่สงสัยหนักว่าทำไมคนร้ายยังลอยนวลต้มตุ๋นชาวบ้านอยู่
โดยบรรดาเหยื่อได้เบาะแสมาว่าคนร้ายอ้างว่าเป็นตำรวจชั้นประทวน ประจำอยู่ที่ สน.เตาปูน ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะเหตุนี้หรือเปล่าถึงยังกล้าประกอบอาชีพต้มตุ๋นได้อย่างสบายใจ “ประดู่แดง” หยิบมานำเสนอเพื่อสื่อสารไปยังผู้บังคับบัญชาแต่ละโรงพัก ช่วยตรวจสอบด้วยว่าคดีคืบหน้าถึงไหน ที่สำคัญขอสื่อสารถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (ผบก.น.2) ช่วยตรวจสอบด้วยว่าที่คนร้ายรายอ้างเป็นตำรวจ สน.เตาปูน จริงหรือไม่?ถ้าปล่อยให้ผู้เสียหายรู้สึกคาใจโดยไม่มีการตรวจสอบ ยิ่งทำให้องค์กรตำรวจเสียหาย ถ้าเป็นตำรวจจริงควรตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อลงโทษทางวินัย แต่ถ้าไม่ใช่แต่แอบอ้าง ต้องดำเนินคดีฐานแอบอ้างได้ เชื่อว่าทั้ง ผบช.น. ผบก.น.2 คงไม่ปล่อยผ่าน และหัวหน้าโรงพักประตูน้ำจุฬาลงกรณ์และ สภ.เมืองอุดรธานี คงไม่ปล่อยผ่านเช่นกัน!!!


